Online Zoom เปิดรับสมัคร หลักสูตร ความคิดเชิงนวัตกรรม (Innovative Thinking) อบรม 7 ก.พ.65

Online Zoom เปิดรับสมัคร หลักสูตร ความคิดเชิงนวัตกรรม (Innovative Thinking) อบรม 7 ก.พ.65

อ.อนุภาพ พันชำนาญ

 

 

สามารถจัดได้ 2 รูปเเบบ Online Zoom/ONSITE

ราคาที่ 1 รูปเเบบ ออนไลน์ ผ่านโปรเเกรม zoom (09.00-12.00)

ราคาโปรโมชั่น ท่านละ 1,500 บาท/วัน (ไม่รวม VAT)

  • สมัครเข้าอบรม 3 ท่าน  ท่านละ 1,300 บาท /คน เข้าอบรมได้ 4 ท่าน

1) ใบประกาศผ่านการอบรม

2) ไฟล์ PDF การสอน

 

หลักการและเหตุผล

         นวัตกรรม (Innovation)  คือ การใช้ความคิดสร้างสรรค์เพื่อพัฒนาหรือประดิษฐ์สิ่งใหม่ๆ เช่น บริการ ผลิตภัณฑ์ หรือกระบวนการใหม่ๆ (Service, Product, Process) เป็นต้น ที่มีคุณค่า(Value Creation) และมีประโยชน์ต่อผู้อื่น เศรษฐกิจและสังคม ซึ่งเมื่อมีคุณค่าและมีประโยชน์แล้วจะสามารถขยายผลต่อได้เชิงพาณิชย์ หรือขายได้

       ความคิดเชิงนวัตกรรมในองค์กรถือเป็นการปฏิวัติกระบวนการทำงานแบบเดิม ๆ ที่เคยใช้ในการบริหารจัดการในอดีต ยิ่งปัจจุบันเทคโนโลยีการสื่อสารได้เข้ามามีบทบาท ทำให้การรับรู้ของบุคลากรเติบโตอย่างรวดเร็ว ความคิดใหม่ ๆ เกิดขึ้นตลอดเวลา หากมนุษย์มิได้มีการพัฒนาความคิด หรือนำความคิดดังกล่าวออกมาแสดง ก็เท่ากับเป็นการปิดกั้นความคิดอย่างเสรี

       ความคิดเชิงนวัตกรรม คือ กระบวนการคิดของสมอง ซึ่งมีความสามารถในการคิดได้หลากหลายและแปลกใหม่จากเดิม โดยสามารถนำไปประยุกต์ทฤษฎี หรือหลักการได้อย่างรอบคอบและมีความถูกต้องจนนำไปสู่การคิดค้นและสร้างสิ่งประดิษฐ์ ที่แปลกใหม่หรือรูปแบบความคิดใหม่

         นวัตกรรมหรือสิ่งใหม่ๆ หลายอย่างที่เกิดขึ้นมา ไม่ได้เกิดจากการวางแผนหรือกำหนดชี้ชัดเจนว่า จะต้องทำให้เกิดขึ้นในปีนี้หรือเดือนนี้ หากแต่เกิดจากการเตรียมพร้อมบุคคลากรให้มีทักษะ ความสามารถพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลง และเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นในโลกที่มีความไม่แน่นอนอย่างต่อเนื่อง

        การพัฒนานวัตกรรมให้เกิดขึ้นได้จริงเพื่อสร้างการเติบโตในองค์กร  สิ่งสำคัญมากๆอันดับต้นๆ คือ การสร้างเสริม บ่มเพาะ บุคคลากรให้มีเข้าใจการคิดเชิงนวัตกรรม เห็นเป้าหมาย วิสัยทัศน์แนวคิดในการสร้างองค์กรนวัตกรรมเช่นเดียวกับผู้นำในองค์กร จนสามารถพัฒนาการทำงาน กระบวนการทำงาน (Process Innovation) ให้ดีขึ้นเรื่อยๆอย่างต่อเนื่อง จนสามารถต่อยอดเป็นการพัฒนานวัตกรรมทางผลิตภัณฑ์หรือบริการ (Product/Service innovation)  และท้ายสุดคือการพัฒนานวัตกรรมรูปแบบธุรกิจใหม่ๆ (Business Model Innovation) ได้

 

 

วัตถุประสงค์การเรียนรู้

  1. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้มีความเข้าใจในหลักการ เทคนิคและกระบวนการ คิดเชิงสร้างสรรค์และนวัตกรรม และสามารถนำมาใช้ในงานได้จริง

  2. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้ปรับทัศนะและวิธีการเดิม สู่วิธีการใหม่ๆในการคิดเพื่อแก้ปัญหางานด้วยนวัตกรรมเชิงสร้างสรรค์

  3. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้ฝึกทักษะและแลกเปลี่ยนมุมองความคิดเชิงสร้างสรรค์และนวัตกรรมซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของความคิดเชิงนวัตกรรม

  4. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้มีความเข้าใจอย่างแท้จริงว่า “สิ่งดีๆ และมีคุณค่าบางอย่างล้วนเกิดขึ้นได้เพราะความแตกต่างของคน” ซึ่งความคิดสร้างสรรค์เชิงนวัตกรรม จะเป็นตัวเชื่อมต่อความแตกต่างนั้น

  5. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้เรียนรู้ว่า “รากฐานของการมีความคิดเชิงนวัตกรรม” นั้นต้องเริ่มต้นจากที่การมีความคิดเชิงบวกและความคิดสร้างสรรค์”

  6. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้เรียนรู้ “คุณค่าของการมีความคิดริเริ่ม ความคิดใหม่ๆ ” จะช่วยพัฒนาตนเองและองค์กรไปสู่ความยั่งยืน

  7. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้เรียนรู้ “เทคนิคการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ด้วยนวัตกรรม”

  8. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้เรียนรู้ “วิธีการระดมสมองเพื่อให้ได้มาซึ่งความคิดนอกกรอบอย่างสร้างสรรค์”

 

 

หัวข้อการอบรม

  1. ความสำคัญของนวัตกรรม

  • ความสำคัญของทักษะการสร้างนวัตกรรมในโลกยุคปัจจุบัน

  1. การพัฒนาไอเดียนวัตกรรมที่สามารถสร้างคุณค่าสำหรับองค์กร

  2. ไอเดียนวัตกรรมโดยการใช้กระบวนการที่ชัดเจนและข้อมูลของลูกค้า

  3. การสร้างไอเดียนวัตกรรมที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้า

  4. การสร้างไอเดียนวัตกรรมที่พร้อมจะเอาไปต่อยอด-พัฒนาเป็นโครงการได้จริง

  5. การปูพื้นความคิดสร้างสรรค์มา แต่ต้องให้มีนวัตกรรมเกิดได้จริง

  6. รู้จักและเข้าใจกระบวนสร้างนวัตกรรมและทักษะของการสร้างนวัตกรรม

  • ทักษะของนักเก็บข้อมูล : การตั้งคำถามและการสังเกต (ค้นหา) การตั้งคำถามและการสังเกต เพื่อรวบรวมข้อมูล ข้อเท็จจริง หรือปัญหาเพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหาหรือการสร้างนวัตกรรม

  • ทักษะของนักคิด : การหาไอเดียใหม่และการระดมสมอง (ค้นพบ) หลังจากที่นักเก็บข้อมูลได้รวบรวมข้อเท็จจริงต่างๆ แล้ว นักคิดจะหาคำตอบ แนวทางการแก้ไข การหาไอเดียใหม่ ดังนั้นเนื้อหาส่วนนี้จะกล่าวถึงการพัฒนาทักษะของนักคิดคือ การหาไอเดียใหม่ การระดมสมองอย่างมีประสิทธิภาพ

  • ทักษะของนักทำ : การทำต้นแบบ (ลองทำ) เนื้อหาส่วนนี้จะกล่าวถึงทักษะที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของนักทำคือ การทำต้นแบบ (prototype) เพื่อทดสอบไอเดีย วิธีนี้จะช่วยให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าใจไอเดียได้ชัดเจนมากขึ้น เนื้อหาส่วนนี้จะอธิบายวิธีการทำต้นแบบต่างๆ และการสร้างต้นแบบอย่างง่ายของแอพในสมาร์ตโฟน

  • ทักษะของนักสื่อสาร : การนำเสนอทักษะของนักเก็บข้อมูล : การตั้งคำถามและการสังเกต หลังจากที่สร้างผลงานแล้ว นักสื่อสารจะต้องสื่อสารผลงานหรือนวัตกรรมเพื่อให้ผู้อื่นเห็นพ้องหรือคล้อยตาม ดังนั้นเนื้อหาส่วนนี้จะทำให้ผู้เรียนฝึกนำเสนอไอเดียหรือแนวคิดของตนให้ผู้อื่นทราบอย่างมีประสิทธิภาพ

  • การพัฒนานิสัยหรือโครงการนวัตกรรม : เนื้อหาส่วนนี้จะสรุปเนื้อหาและแนะนำวิธีพัฒนาโครงการนวัตกรรม และการพัฒนานิสัยของนักสร้างนวัตกรรมอย่างยั่งยืน โดยวิทยากรจะมอบหมายวิธีฝึกนิสัย กิจกรรมหรือโครงงานเพื่อให้ผู้เรียนที่สนใจนำไปประยุกต์ใช้กับการทำงานของตนเอง

ภาพรวมของการคิด

  • กระบวนการคิด (Thinking Process)

  • ความคิดเชิงบวก (Positive Thinking)

  • ความคิดริเริ่ม (Initiative Thinking)

  • ความคิดนอกกรอบ (Lateral Thinking or Think out of the box)

  • ความคิดสร้างสรรค์ (Creative Thinking)

  • การคิดอย่างเป็นระบบ (Systematic Thinking)

  • ความคิดเชิงนวัตกรรม (Innovative Thinking)

  • กิจกรรมเพื่อการฝึกฝนพัฒนาทักษะการคิดนอกกรอบอย่างสร้างสรรค์

  • กิจกรรมกลุ่มเพื่อฝึกฝนการระดมสมอง (Brain Storming) ให้ได้มาซึ่งความคิดสร้างสรรค์

  • เทคนิคต่างๆ ในการให้ได้มาซึ่งความคิดนอกกรอบอย่างสร้างสรรค์

  • หลักการคิดด้วยมิติ 4 ย. (โยง,ใหญ่,แยก,ย่อย)

  • การคิดด้วยหมวก 6 ใบ, การคิดแบบผู้ชนะ 10 คิด

  • การดักจับความคิด (Idea spotting)

  • กระบวนการจัดลำดับความคิด

  • การประยุกต์ใช้ในการเขียนภาพภูมิความคิด (Mind Map & Concept Map)

  • เทคนิค “ไม่พอใจกับสิ่งที่มีอยู่…หรือสิ่งที่เป็นอยู่”

  • เทคนิค “ตรงกันข้าม”

 

 

 

 

ประโยชน์ที่จะได้รับ

1.ผู้เข้าอบรมได้มีความเข้าใจในหลักการ เทคนิคและกระบวนการ คิดเชิงสร้างสรรค์และนวัตกรรม และสามารถนำมาใช้ในงานได้จริง

2.ผู้เข้าอบรมได้ปรับทัศนะและวิธีการเดิม สู่วิธีการใหม่ๆในการคิดเพื่อแก้ปัญหางานด้วยนวัตกรรมเชิงสร้างสรรค์

3.ผู้เข้าอบรมได้ฝึกทักษะและแลกเปลี่ยนมุมองความคิดเชิงสร้างสรรค์และนวัตกรรมซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของความคิดเชิงนวัตกรรม

4.ผู้เข้าอบรมได้มีความเข้าใจอย่างแท้จริงว่า “สิ่งดีๆ และมีคุณค่าบางอย่างล้วนเกิดขึ้นได้เพราะความแตกต่างของคน” ซึ่งความคิดสร้างสรรค์เชิงนวัตกรรม จะเป็นตัวเชื่อมต่อความแตกต่างนั้น

5.ผู้เข้าอบรมได้เรียนรู้ว่า “รากฐานของการมีความคิดเชิงนวัตกรรม” นั้นต้องเริ่มต้นจากที่การมีความคิดเชิงบวกและความคิดสร้างสรรค์”

6.ผู้เข้าอบรมได้เรียนรู้ “คุณค่าของการมีความคิดริเริ่ม ความคิดใหม่ๆ ” จะช่วยพัฒนาตนเองและองค์กรไปสู่ความยั่งยืน

7.ผู้เข้าอบรมได้เรียนรู้ “เทคนิคการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ด้วยนวัตกรรม”

8.ผู้เข้าอบรมได้เรียนรู้ “วิธีการระดมสมองเพื่อให้ได้มาซึ่งความคิดนอกกรอบอย่างสร้างสรรค์”

 

รูปแบบหลักสูตร

1.การบรรยาย                                                        30 %

2.เกมส์ / กิจกรรมกลุ่ม / ฝึกปฏิบัติ Workshop      70%

 

ติดต่อสอบถาม

Tel : 098-8209929 คุณกุ้ง

E-mail: inwtraining.sale@gmail.com

Line id : @Tesstraining

Facebook : tesstrainingpage

ทาง บริษัท เทสส์ เทรนนิ่ง จำกัด เป็นบริษัทฝึกอบรมสัมมนาครบวงจร

http://www.tesstraining.com

Public Training เปิดรับสมัคร หลักสูตร การบริหารความเสี่ยง (Risk Management) อบรม 22 มิ.ย.65 โดย อ.อนุภาพ พันชำนาญ 

Public Training เปิดรับสมัคร หลักสูตร การบริหารความเสี่ยง (Risk Management) อบรม 22 มิ.ย.65 โดย อ.อนุภาพ พันชำนาญ

จัด อบรม โรงเเรม โนโวเทล สุขุมวิท 20 ติด BTS อโศก สถานี MRT สุขุมวิท

หลักสูตรนี้มีคำตอบ ที่นี่ที่เดียว
สนใจสมัครเพื่อรับองค์ความรู้ได้ที่ คุณกุ้ง 0988209929 คุณกุ้ง

 

หลักการและเหตุผล

      “ความเสี่ยง” นิยาม หรือคำจำกัดความที่นำมาใช้ในการบริหารความเสี่ยง คือ เหตุการณ์หรือการกระทำใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้น    ภายในสถานการณ์ไม่แน่นอน และจะส่งผลกระทบหรือสร้างความเสียหาย หรือความล้มเหลวหรือลดโอกาสที่จะบรรลุความสำเร็จต่อการบรรลุเป้าหมายและวัตถุประสงค์ขององค์กร หรือ อาจเป็นผลลัพธ์ใด ๆ จากการกระทำทั้งโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจของการตัดสินใจกระทำการ

      กล่าวได้ว่า การบริหารความเสี่ยง คือ การบริหารปัจจัยและควบคุมกิจกรรม รวมทั้งกระบวนการดำเนินกิจกรรม แผนงาน หรือ โครงการต่าง ๆ โดยลดเหตุปัจจัยของโอกาสในการที่องค์กรจะเกิดความเสียหาย เพื่อให้ระดับความเสี่ยงและความรุนแรงของความเสี่ยง ที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคตอยู่ในระดับที่องค์กรรับได้ ประเมินได้ ควบคุมได้ และตรวจสอบอย่างเป็นระบบภายใต้ความต้องการการบรรลุเป้าหมาย หรือวัตถุประสงค์ขององค์กรได้

      การบริหารจัดการธุรกิจของกิจการประเภทต่าง ๆ ยอมรับแนวคิดของการตัดสินใจบนฐานความเสี่ยง (Risk-Based Approach) มากขึ้น แต่ความสําเร็จของการดําเนินธุรกิจบนฐานความเสี่ยง (Risk-Based Approach) ยังอยู่ที่กระบวนการของการนําเอาแนวคิดของการตัดสินใจบนฐานความเสี่ยงมาใช้ได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมด้วย เพราะกิจการแต่ละกิจการมีโครงสร้างที่ไม่เหมือนกัน ต้องทําให้เกิดประสิทธิภาพและสร้างประสิทธิผลอย่างแท้จริง ไม่เช่นนั้นกิจการที่ดําเนินการอาจจะเกิดความเข้าใจผิดว่า การบริหารจัดการบนฐานความเสียงไม่ได้ผลและละเลิกไปเสียก่อน

        การบริหารความเสี่ยงจึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่งต่อการดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจ แนวทางการบริหารความเสี่ยงจึงได้รับการยอมรับและมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ระบบการบริหารความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลจะส่งผล ต่อการเป็นองค์กรที่มีระบบการกำกับดูแลที่ดี ซึ่งจะส่งผลต่อการก้าวไปสู่องค์กรที่มีความเจริญเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป

 

วัตถุประสงค์

  1. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้ตระหนักถึงความสำคัญของงานการบริหารความเสี่ยง บทบาทและหน้าที่ของผู้บริหาร และบุคลากรมีส่วนร่วมในการบริหารความเสี่ยงตามหลักการบริหารตามมาตรฐานสากล

  2. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้ทราบถึงกลยุทธ์ กลวิธี และระบบการจัดการความเสี่ยง

  3. เพื่อให้ผู้เข้าการอบรมได้ความรู้ความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับการบริหารจัดการความเสี่ยงทั่วทั้งองค์กร

  4. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้แนวทางการนำการบริหารจัดการความเสี่ยงทั่วทั้งองค์กรไปปรับใช้ในองค์กรของตน อย่างเหมาะสมเทคนิคในการขยายฐานลูกค้าของสินค้าและบริการ

  5. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมสร้างความได้เปรียบและความสำเร็จด้วยการบริหารจัดการความเสี่ยง

  6. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมรู้วิธีการทำงานเพื่อลดและขจัดความเสี่ยงในองค์กร

  7. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมทราบความเปลี่ยนแปลงของภาวะความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในองค์กร

  8. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมมีความรู้ความเข้าใจถึงเหตุและผลที่ถูกต้องในบริหารความเสี่ยง

  9. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมมีความรู้ความเข้าใจในการใช้แผนที่ความเสี่ยง (Risk Map)

 

หัวข้อการอบรม (Course Outline)

  1. ความสำคัญของการบริหารความเสี่ยง และความจำเป็นที่องค์กรควรต้องปฏิบัติตามหลักการบริหารตามมาตรฐานสากล ด้วยกลไกและระบบการจัดการ เช่น การบริหารความเสี่ยง การควบคุมภายใน การบริหารความเสี่ยงทั่วทั้งองค์กร (Enterprise Risk Management)

  • บทบาทและหน้าที่ ที่บริษัทต้องปฏิบัติตามหลักการมาตรฐานสากล ประกอบด้วย

  • อบรมบริการ การควบคุมภายใน (Internal Control)

  • อบรมบริการ การบริหารความเสี่ยง (Risk Management)

  • อบรมบริการ การบริหารความเสี่ยงทั่วทั้งองค์กรโดยรวม (Enterprise Risk Management) ฯลฯ

  1. ระบบงานการบริหารความเสี่ยง

   2.1  การสร้างความตระหนัก ให้ความสำคัญในงานบริหารความเสี่ยงตามหลักการบริหารตามมาตรฐานสากล

   2.2 ความรู้ และความเข้าใจ ในงานระบบบริหารความเสี่ยง ประกอบ การระบุความเสี่ยง การประเมินความเสี่ยง (Risk Assessment) การวิเคราะห์ผลกระทบความเสี่ยงต่อผลประกอบการด้านต่าง ๆ การจัดลำดับความเสี่ยงเพื่อการบริหารจัดการองค์กร (Risk Prioritization) และการกำหนดรูปแบบการจัดการความเสี่ยง เพื่อเผชิญกับความไม่แน่นอน (Uncertainty) และการไม่ละทิ้งโอกาส

   2.3 กลยุทธ์วิธีการ กระบวนการบริหารความเสี่ยง (Risk Management Strategy & Treatment) หลักการ แนวปฏิบัติ และขั้นตอนการบริหารความเสี่ยง ประกอบด้วย

  • อบรมบริการ การวิเคราะห์ ความเสี่ยง

  • อบรมบริการ การระบุความเสี่ยง

  • อบรมบริการ การประเมินความเสี่ยง

  1. การจัดทำแผนการบริหารความเสี่ยง

การจัดทำแผนการบริหารความเสี่ยง (Risk Management Plan) กลไกและระบบเพื่อประกอบ การจัดทำคู่มือบริหารความเสี่ยง

การสร้างความสนใจในการบริหารความเสี่ยง

  • ระบบการบริหารความเสี่ยง

  • การประเมินความเสี่ยง

  • เทคโนโลยีใหม่ๆ และความรู้ “งูๆ ปลาๆ” เป็นที่มาของความเสี่ยง

  • องค์ประกอบของความสำเร็จที่ซ่อนอยู่ในความไม่ประมาท

  • นโยบายบริหารความเสี่ยง

  • วัตถุประสงค์การบริหารความเสี่ยง

  • กระบวนการบริหารความเสี่ยง และการทำแผนบริหารความเสี่ยง

  • การพัฒนาทัศนคติในงานที่ปฏิบัติอย่างระมัดระวังเพื่อลดความเสี่ยง

  • ปัจจัยเสี่ยงที่คอยส่งผลกระทบ สร้างความเสียหาย หรือความล้มเหลวให้แก่องค์กร

  • ผลประโยชน์ที่จะได้รับจากการจัดทำแผนบริหารความเสี่ยง

4.การใช้แผนที่ความเสี่ยง (Risk Map)

      ความเข้าใจในเรื่องของ Risk Map เพื่อหาความสัมพันธ์ของ Root Cause จากปัจจัยหนึ่งที่มีผลกระทบต่อปัจจัยอื่น ๆ ทั้งในระดับองค์กร เช่น Stratigic Risk – S, Operational Risk – O, Financial Risk/Reporting Risk – F, Compliance Risk – C ตามแนวทางของ COSO – ERM รวมถึง Root Cause จากความเสี่ยงที่มีผลกระทบในระดับขั้นตอน + กระบวนการ + กิจกรรม ของ                 จุดอ่อนในแต่ละกรอบข้างต้น ที่เกี่ยวข้องและมีผลกระทบกับกรอบการควบคุมด้านอื่น ๆ ในทุกมุมมอง ทั้งด้าน IT และ Non – IT นั้น จะมีประโยชน์ต่อการบริหารความเสี่ยงเป็นอย่างมาก ถ้าผู้ที่เกี่ยวข้องสามารถเข้าใจและควบคุมความเสี่ยงจากต้นเหตุที่แท้จริง ก็จะสามารถควบคุมความเสี่ยงที่มีผลต่อเนื่องจากความเสี่ยงที่มาจากต้นเหตุนั้นได้เป็นอย่างมาก และบางกรณีอาจได้ทั้งหมด

 เกณฑ์การประเมิน Risk Map

  1. การกำหนดสาเหตุของปัจจัยเสี่ยง และกำหนดระดับความรุนแรงของสาเหตุนั้น

  2. การวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยเสี่ยงในระดับองค์กร และความสัมพันธ์ของสาเหตุ (ต้นเหตุ –> ปลายเหตุ)

  3. การวิเคราะห์ผลกระทบทั้งเชิงการเงิน และมิใช่เชิงการเงิน (กระทบมาก/น้อย) ระหว่าง

3.1. ปัจจัยเสี่ยงและปัจจัยเสี่ยง

3.2. สาเหตุกับสาเหตุ

3.3. ปัจจัยเสี่ยงและสาเหตุ

  1. การนำ Risk Map ไปใช้ในการกำหนดแผนการบริหารความเสี่ยง ทุกกิจกรรมในแผนบริหารความเสี่ยง จะต้องมีความสอดคล้องกับสาเหตุและจัดลำดับตามระดับความรุนแรงของสาเหตุ รวมถึงความสัมพันธ์อื่นที่มากระทบต่อสาเหตุนั้น

  2. การสร้างความเข้าใจในเรื่อง Risk Map ให้กับบุคลากรในองค์กร และวาระการประชุมร่วมกันระหว่างผู้บริหาร ฝ่ายบริหารความเสี่ยง และ Risk Owner ทุกปัจจัยเสี่ยง

 

ประโยชน์ที่ได้รับ

1.ผู้เข้าอบรมได้ตระหนักถึงความสำคัญของงานการบริหารความเสี่ยง บทบาทและหน้าที่ของผู้บริหาร และบุคลากรมีส่วนร่วมในการบริหารความเสี่ยงตามหลักการบริหารตามมาตรฐานสากล

2.ผู้เข้าอบรมได้ทราบถึงกลยุทธ์ กลวิธี และระบบการจัดการความเสี่ยง

3.ผู้เข้าอบรมได้ความรู้ความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับการบริหารจัดการความเสี่ยงทั่วทั้งองค์กร

4.ผู้เข้าอบรมได้แนวทางการนำการบริหารจัดการความเสี่ยงทั่วทั้งองค์กรไปปรับใช้ในองค์กรของตน  อย่างเหมาะสมเทคนิคในการขยายฐานลูกค้าของสินค้าและบริการ

5.ผู้เข้าอบรมได้สร้างความได้เปรียบและความสำเร็จด้วยการบริหารจัดการความเสี่ยง

6.ผู้เข้าอบรมได้รู้วิธีการทำงานเพื่อลดและขจัดความเสี่ยงในองค์กร

7.ผู้เข้าอบรมได้ทราบความเปลี่ยนแปลงของภาวะความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในองค์กร

8.ผู้เข้าอบรมได้ความรู้ความเข้าใจถึงเหตุและผลที่ถูกต้องในบริหารความเสี่ยง

9.ผู้เข้าอบรมได้ความรู้ความเข้าใจในการใช้แผนที่ความเสี่ยง (Risk Map)

 

รูปแบบหลักสูตร

1.การบรรยาย                                                      30 %

  1. กิจกรรมกลุ่ม / ฝึกปฏิบัติ Workshop   70%

ราคาท่านละ 3,900 บาท/วัน (ไม่รวม VAT)

ราคาสุดพิเศษอย่างยิ่ง

สมัคร 3 ท่าน ท่านละ 3,200 บาท

ลงทะเบียน 4 ท่าน ขึ้นไปท่านละ 2,900 บาท

ราคาดังกล่าว ฟรี

1) เอกสารประกอบการสัมมนา (เข้าเล่ม)

2) ใบประกาศผ่านการอบรม

3) อาหารเบรก 2 มื้อ อาหารกลางวันบุฟเฟ่ต์โรงแรม รับกระเป๋าผ้าสมุดปากกา หน้างาน

ติดต่อสอบถาม

Tel : 098-8209929 คุณกุ้ง

E-mail: inwtraining.sale@gmail.com

Line id : @Tesstraining

Facebook : tesstrainingpage

ทาง บริษัท เทสส์ เทรนนิ่ง จำกัด เป็นบริษัทฝึกอบรมสัมมนาครบวงจร

www.tesstraining.com

www.inwtraining.com

Online Zoom เปิดรับสมัคร หลักสูตร พลังแห่งการคิดบวก (The Power of Positive Thinking) 3 ชั่วโมง (09.00-12.00)อบรม 22 ม.ค.65

Online Zoom เปิดรับสมัคร หลักสูตร พลังแห่งการคิดบวก (The Power of Positive Thinking) 3 ชั่วโมง (09.00-12.00)อบรม 22 ม.ค.65

โดย อ.อนุภาพ พันชำนาญ

 

สามารถจัดได้ 2 รูปเเบบ Online Zoom/ONSITE

ราคาที่ 1 รูปเเบบ ออนไลน์ ผ่านโปรเเกรม zoom

ราคาโปรโมชั่น ท่านละ 1,500 บาท/วัน (ไม่รวม VAT)

  • สมัครเข้าอบรม 3 ท่าน  ท่านละ 1,300 บาท /คน เข้าอบรมได้ 4 ท่าน

1) ใบประกาศผ่านการอบรม

2) ไฟล์ PDF การสอน

 

หลักสูตรนี้มีคำตอบ ที่นี่ที่เดียว
สนใจสมัครเพื่อรับองค์ความรู้ได้ที่ คุณกุ้ง 0988209929 คุณกุ้ง

 

หลักการและเหตุผล :

                 การสร้างทัศนคติเชิงบวกเป็นเรื่องยาก แต่การทำให้แนวคิดนั้นอยู่กับเราไปนาน ๆ เป็นเรื่องที่ยากยิ่งกว่า ไม่ใช่เพราะว่าการคิดบวกเป็นสิ่งที่แกล้งทำขึ้นมา แต่เป็นเพราะว่าบางครั้งบางคราว เราไม่อาจจะที่จะคิดบวกได้ เพราะเรากำลังอยู่ในภาวะที่เครียด และกดดันทางอารมณ์จนเกินไป ดังนั้น จึงเป็นเรื่องยากที่เราจะคิดบวกได้ตลอดเวลา

          การเป็นคนคิดบวกทำให้สุขภาพจิตของเราดี มองโลกทั้งใบสดใส และมีแสงสว่าง แนวคิดนี้ไม่ได้มีคุณค่าเฉพาะการใช้ชีวิตประจำวันทั่วไปเท่านั้น แต่มีความสำคัญกับการทำงานด้วยเช่นกัน การทำงานที่รวมเข้ากับความคิดเชิงบวก จะช่วยให้คนทำงานก้าวผ่านอุปสรรคไปได้อย่างง่ายดาย จนบางครั้ง เราจะรู้สึกว่าปัญหาต่าง ๆ อยู่กับเราไม่นาน เดี๋ยวมันก็จะหายไป นั่นเป็นเพราะเรามีทัศนคติเชิงบวกนั้นเอง

          อย่างที่กล่าวไปแล้วว่าการรักษาความคิดเชิงบวกให้อยู่กับเรานาน ๆ นั้นเป็นเรื่องยาก ปฏิเสธไม่ได้ว่าบางครั้งเราก็มีทัศนคติเชิงลบแทรกเข้ามาในจิตใจบ้าง เพราะเป็นเรื่องที่คิดได้ง่ายกว่า แต่นั่นย่อมไม่ใช่เรื่องที่ดี แต่ใครจะคิดแต่เรื่องดี ๆ และเป็นไปในเชิงบวกได้ตลอดเวลา แต่เชื่อเถอะว่าถ้ามันเป็นไปเองตามธรรมชาติไม่ได้ เราก็สามารถบังคับให้มันเป็นไปได้ การได้เข้าอบรมเรื่องการคิดบวกนั้น จะช่วยให้เราเป็นคนคิดบวกได้อย่างเสมอต้นเสมอปลาย และมีความสุขในการทำงานอยู่เสมอ

 

 

วัตถุประสงค์การเรียนรู้

  1. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมมีความเข้าใจอย่างแท้จริงว่า คนเราทุกคนล้วนมีความแตกต่างกัน การ คิดบวกนั้นจะช่วยให้เราเข้าใจสิ่งนี้ได้ดี

  2. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้เรียนรู้ว่า รากฐานของการมีความคิดบวกอย่างสร้างสรรค์นั้นต้องเริ่มต้นที่การมีทัศนคติเชิงบวก

  3. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้สร้างความแข็งแกร่งทางความคิด ด้วยการคิดบวก เพื่อรับมือกับอุปสรรคและปัญหาต่าง ๆ ที่จะเข้ามา

  4. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้เรียนรู้ คุณค่าของการมีการคิดบวกอย่างสร้างสรรค์

  5. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้เรียนรู้ คุณค่าของการคิดบวกอย่างเป็นระบบ

  6. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้เรียนรู้ เทคนิคการพัฒนาการคิดบวกอย่างสร้างสรรค์

  7. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้เรียนรู้ วิธีการระดมสมองเพื่อให้ได้มาซึ่งการคิดบวกอย่างสร้างสรรค์

 

ภาพรวมของการคิด

กระบวนการคิด (Thinking Process)

ความคิดเชิงบวก (Positive Thinking)

ความคิดริเริ่ม (Initiative Thinking)

ความคิดนอกกรอบ (Lateral Thinking or Think out of the box)

ความคิดสร้างสรรค์ (Creative Thinking)

การคิดอย่างเป็นระบบ (Systematic Thinking)

หัวข้อการอบรม

  1. ผลลัพธ์จากการคิดเชิงบวก

  2. การสร้างทัศนคติเชิงบวก

  3. บริบทของทัศนคติเชิงบวก

  4. ลักษณะการคิดบวก

  5. การฝึกทัศนคติเชิงบวก

  6. นิสัยที่ทำให้เป็นคนมีทัศนคติลบ

  7. เหตุแห่งการทำลายสัมพันธภาพ

  8. กราฟอารมณ์กับเหตุผล

  9. ทำไมต้อง Positive Thinking ก่อน Creative Thinking

  10. มองโลกให้บวก (Hard Optimism)

  11. การสร้างความแข็งแกร่งทางความคิดเชิงจิตวิทยา

  12. พัฒนาวิธีการอธิบายสภาพแวดล้อมของคนมองโลกแง่ดี

  13. การมองเหตุการณ์ในด้านบวกของคนมองแง่ดี

  14. กำจัดแนวคิดและวิธีการตีความแบบคนมองแง่ลบ

  15. การมองเหตุการณ์ในด้านบวกของคนมองแง่ร้าย

  16. หลักแนวคิดที่มีพื้นฐานจากการคิดบวก

 

ประโยชน์ที่ไดรับ

  1. ผู้เข้าอบรมมีความเข้าใจอย่างแท้จริงว่า คนเราทุกคนล้วนมีความแตกต่างกัน การ คิดบวกนั้นจะช่วยให้เราเข้าใจสิ่งนี้ได้ดี

  2. ผู้เข้าอบรมได้เรียนรู้ว่า รากฐานของการมีความคิดบวกอย่างสร้างสรรค์นั้นต้องเริ่มต้นที่การมีทัศนคติเชิงบวก

  3. ผู้เข้าอบรมได้สร้างความแข็งแกร่งทางความคิด ด้วยการคิดบวก เพื่อรับมือกับอุปสรรคและปัญหาต่าง ๆ ที่จะเข้ามา

  4. ผู้เข้าอบรมได้เรียนรู้ คุณค่าของการมีการคิดบวกอย่างสร้างสรรค์

  5. ผู้เข้าอบรมได้เรียนรู้ คุณค่าของการคิดบวกอย่างเป็นระบบ

  6. ผู้เข้าอบรมได้เรียนรู้ เทคนิคการพัฒนาการคิดบวกอย่างสร้างสรรค์

  7. ผู้เข้าอบรมได้เรียนรู้ วิธีการระดมสมองเพื่อให้ได้มาซึ่งการคิดบวกอย่างสร้างสรรค์

 

 

 

รูปแบบหลักสูตร

1.การบรรยาย                                                                  30 %

2.เกมส์ / กิจกรรมกลุ่ม / ฝึกปฏิบัติ Workshop                 70%

ติดต่อสอบถาม

Tel : 098-8209929 คุณกุ้ง

E-mail: inwtraining.sale@gmail.com

Line id : @Tesstraining

Facebook : tesstrainingpage

ทาง บริษัท เทสส์ เทรนนิ่ง จำกัด เป็นบริษัทฝึกอบรมสัมมนาครบวงจร

http://www.tesstraining.com

Online Zoom  เปิดรับสมัคร ยืนยัน หลักสูตร การพัฒนาตนเองและทีมงานสู่เป้าหมายองค์กรด้วย DISC  (Team and Self-development for Organization Goal with DISC) อบรม 10 ม.ค.65

Online Zoom  เปิดรับสมัคร ยืนยัน หลักสูตร การพัฒนาตนเองและทีมงานสู่เป้าหมายองค์กรด้วย DISC  (Team and Self-development for Organization Goal with DISC) อบรม 10 ม.ค.65

โดย อ.อนุภาพ พันชำนาญ

 

 

สามารถจัดได้ 2 รูปเเบบ Online Zoom/ONSITE

ราคาที่ 1 รูปเเบบ ออนไลน์ ผ่านโปรเเกรม zoom

ราคาโปรโมชั่น ท่านละ 2,500 บาท/วัน (ไม่รวม VAT)

  • สมัครเข้าอบรม 4 ท่าน  ท่านละ 2,000 บาท /คน ชำระเพียง 3 ท่าน

ราคาดังกล่าว ฟรี

1) ใบประกาศผ่านการอบรม

2) ไฟล์ PDF การสอน

 

หลักสูตรนี้มีคำตอบ ที่นี่ที่เดียว
สนใจสมัครเพื่อรับองค์ความรู้ได้ที่ คุณกุ้ง 0988209929 คุณกุ้ง

 

       พนักงานยุคใหม่ที่จะประสบความสำเร็จตามที่ได้วางไว้ได้อย่างดี มีองค์ประกอบมากมายที่จะนำมาพิจารณาการทำงานให้บรรลุเป้าหมาย และไปในทิศทางเดียวกันนั้นจะใช้ความรู้ความสามารถเพียงด้านเดียวคงจะไม่พอต่อการถึงจุดหมายปลายทาง

          การพัฒนาระดับความสามารถ ในด้านต่างๆ ของนักงานยุคใหม่นั้นจึงเป็นประเด็นที่สำคัญที่จะทำให้คนประสบความสำเร็จในการใช้ชีวิต และส่งให้ชีวิตการทำงานดีขึ้นไปด้วยจึงจะเรียกว่า การเป็นพนักงานมืออาชีพยุคใหม่ต้องเข้าใจถึงความเปลี่ยนแปลง และพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลง เพราะตระหนักรู้ว่าถ้าเราไม่ยอมปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงยากที่จะประสบความสำเร็จในการทำงานได้

          หลักสูตรนี้ได้นำเอาหลักของ DISC มาใช้เป็นเครื่องมือสำคัญ ที่ช่วยให้ผู้เข้าอบรมเกิดความเข้าใจในคุณลักษณะ พฤติกรรมการแสดงออกทั้งของตนเองและของบุคคลอื่น ซึ่งจะนำไปสู่ การยอมรับตนเอง รับรู้ เข้าใจถึงความแตกต่างและความถนัดของบุคคลในแต่ละคุณลักษณะ เข้าใจถึงสิ่งที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการแสดงออกของแต่ละคุณลักษณะบุคคล  สามารถนำเอาหลักการและความเข้าใจเหล่านี้ไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนาตนเอง ปรับตัวให้เข้ากับผู้อื่นและสถานการณ์ได้อย่างเหมาะสม เพิ่มทักษะในการพัฒนาขีดความสามารถของทีมงาน ใช้ประโยชน์จากความแตกต่างบุคคล สร้างแนวทางการครองใจสมาชิกในทีมด้วยรูปแบบที่เหมาะสมของตนเอง เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของตนเองและของทีมงานจากการที่ทุกคนในทีมมีความเข้าใจซึ่งกันและกัน รู้แนวทางความถนัดของสมาชิกในทีม เกิดความสามัคคีร่วมมือร่วมใจ สร้างและรักษาสัมพันธภาพที่ดีกับบุคคลอื่นได้อย่างสัมฤทธิ์ผล

 

วัตถุประสงค์

  1. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้สร้างมุมมองการอยู่ร่วมกันที่แตกต่างแต่ไม่แตกแยกของผู้นำ โดยรู้จักตนเองและเข้าใจผู้อื่น ด้วยรูปแบบของกลุ่มพฤติกรรมที่แตกต่างกันด้วย DISC Model

  2. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้ช่วยค้นหาจุดเด่น และสิ่งที่ควรพัฒนา เป็นการสร้างโอกาสในการพัฒนาตนเอง

  3. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้ปรับบุคลิกภาพของผู้นำให้เข้ากับผู้อื่นอย่างเหมาะสม

  4. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้เข้าใจการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพในการทำงาน และการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขด้วยหลักของ DISC

  5. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้เข้าใจว่าการมีจุดร่วม และสงวนจุดต่างของผู้นำและการอยู่ร่วมกันในการทำงานร่วมกับผู้อื่นอย่างมีความสุข และบรรลุเป้าหมายขององค์กรร่วมกันนั้นสำคัญมาก

  6. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้ค้นพบ “ตัวตน” ในแบบฉบับที่แท้จริงของตนเอง ด้วย DISC Model อีกทั้งสามารถนำพาตนเองและองค์กรที่มีความหลากหลายไปสู่จุดหมายที่ตั้งไว้ รวมถึงประยุกต์ใช้ได้จริงในชีวิตประจําวันและการทํางานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ลักษณะของการอบรม

       เป็นการเรียนรู้เนื้อหาวิชาการ ผ่าน Work Shop และกิจกรรมต่างๆ โดยใช้เครื่องมือที่เรียกว่า DISC Model และ OD ที่หลากหลายประเภทผสมผสานกัน เพื่อเชื่อมโยงเนื้อหาทางวิชาการให้เข้าใจได้ง่าย สามารถนำไปปรับใช้กับการปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

วิธีการ

  1. บรรยายเนื้อหาวิชาการประกอบการทำ Work Shop และกิจกรรมกลุ่ม

  2. การใช้เครื่องมือ DISC Model และ OD tools และเทคนิคการฝึกอบรมหลายประเภท เช่น

  • Ai (Appreciative Inquiry)

  • Dialogue สุนทรียะสนทนา

  • เกมพฤติกรรม

  • Work Shop

  • Clip VDO และอื่นๆ

 

 หัวข้อสำคัญในการเรียนรู้

  • หลักและวิธีการจัดการงานและคนอย่างมีประสิทธิภาพด้วย DISC Model

    • แนวคิดเรื่องพฤติกรรมมนุษย์และการแสดงออก

    • ความหมายของ D-I-S-C และความสำคัญในการเข้าใจเรื่อง D-I-S-C

    •  ความเข้าใจใน บุคลิกภาพ (Personality) และการรับรู้ (Perception)

    •  ประเมินคุณลักษณะและพฤติกรรมของตนเอง (Self-Assessment-Your Style)

    •  รู้จัก เข้าใจคุณลักษณะบุคคลใน 4 มิติ (DISC Model)

  • คุณลักษณะและพฤติกรรมของ D-Style

  • คุณลักษณะและพฤติกรรมของ I-Style

  • คุณลักษณะและพฤติกรรมของ S-Style

  • คุณลักษณะและพฤติกรรมของ C-Style

    • เรียนรู้จุดแข็ง ข้อจำกัด ของแต่ละคุณลักษณะบุคคล

    • การอ่าน/วิเคราะห์คุณลักษณะของผู้อื่น (Reading Others) จากการฟัง /สังเกต

    • ประเภทของพฤติกรรมมนุษย์ในรูปแบบต่างๆ

    • ศึกษากรณีศึกษาของบุคคลต่างๆ กับพฤติกรรมการแสดงออกของเขา

    • สาเหตุของความแตกต่างของมนุษย์

    • การสำรวจบุคลิกความแตกต่างของพฤติกรรมแต่ละคน

    • การค้นหาความแตกต่างของแต่ละคน

    • การสื่อสารและการแสดงออกของคนในแต่ละคุณลักษณะ

    • เทคนิคการสื่อสาร บริหาร ประสานงานกับบุคคลแต่ละคุณลักษณะ

    • การประยุกต์ใช้ D-I-S-C กับบริบทของการทำงานได้อย่างสัมฤทธิผลด้วยหลักการของ 7Q และเข้าใจหลักของ 7Q ผ่านกิจกรรมดังต่อไปนี้

  • สนุกกับการใช้ IQ (Intelligence Quotient) แก้ปัญหาต่างๆ

  • พัฒนาความฉลาดทางอารมณ์ EQ (Emotional Quotient)

  • ก้าวข้ามอุปสรรค AQ (Adversity Quotient) อย่างกล้าหาญ

  • แสดงผลงานอย่างมีคุณค่าด้วยความเป็นเจ้าของ OQ (Optimist Quotient)

  • พัฒนาตนเองเพื่ออยู่ร่วมกับสังคม UQ (Unity Quotient) อย่างมีความสุข

  • มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ สร้างสรรค์สิ่งดี ๆ ด้วย CQ (Creativity Quotient)

  • มีความมั่นใจในการกล้าที่จะเล่นอย่างสร้างสรรค์ด้วย PQ (Play Quotient)

    • การจัดทำ Work Shop

  • Teamwork (การทำงานเป็นทีม) การใช้คุณลักษณะของบุคคลด้วย DISC ในการทำงานเป็นทีมเวิร์ค

  • องค์ประกอบสำคัญของทีมเวิร์ค

  • รูปแบบการทำงานเป็นทีมประเภทต่างๆ

  • ปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดทีมเวิร์ค

  • การทำงานเป็นทีมด้วย DISC

  • กิจกรรม : การทำงานเป็นทีมเวิร์คร่วมกัน

  • Achievement Motivation (แรงจูงใจสู่ความสำเร็จ)

  • การจูงใจคนในแต่ละประเภท

  • ใช้จุดเด่นของคนในแต่ละประเภทให้เกิดประโยชน์สูงสุด

  • อะไรคือสิ่งที่ลดทอนกำลังใจของคนในแต่ละประเภท

  • Continuous Learning (การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง)

  • อยากได้ใจคนในแต่ละประเภท ต้องเรียนรู้ว่าสิ่งใดที่ควรทำ และสิ่งใดที่ไม่ควรทำ

  • เรียนรู้ที่จะปรับตัวกับคนที่มีแตกต่างจากตัวเอง

  • Creativity (ความคิดสร้างสรรค์)

  • การนำข้อดีของคนในแต่ละประเภทมาปรับใช้กับตัวเองอย่างสร้างสรรค์

  • ก้าวข้ามข้อจำกัดตัวเองด้วยความคิดที่สร้างสรรค์

ประโยชน์ที่ได้รับจากการฝึกอบรม

  1.ผู้เข้าอบรมได้สร้างมุมมองการอยู่ร่วมกันที่แตกต่างแต่ไม่แตกแยกของผู้นำ โดยรู้จักตนเองและเข้าใจผู้อื่น ด้วยรูปแบบของกลุ่มพฤติกรรมที่แตกต่างกันด้วย DISC Model

2.ผู้เข้าอบรมได้ช่วยค้นหาจุดเด่น และสิ่งที่ควรพัฒนา เป็นการสร้างโอกาสในการพัฒนาตนเอง

3.ผู้เข้าอบรมได้ปรับบุคลิกภาพของผู้นำให้เข้ากับผู้อื่นอย่างเหมาะสม

 4.ผู้เข้าอบรมได้เข้าใจการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพในการทำงาน และการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขด้วยหลักของ DISC

5.ผู้เข้าอบรมได้เข้าใจว่าการมีจุดร่วม และสงวนจุดต่างของผู้นำและการอยู่ร่วมกันในการทำงานร่วมกับผู้อื่นอย่างมีความสุข และบรรลุเป้าหมายขององค์กรร่วมกันนั้นสำคัญมาก

  1. ผู้เข้าอบรมได้ค้นพบ “ตัวตน” ในแบบฉบับที่แท้จริงของตนเอง ด้วย DISC Model อีกทั้งสามารถนำพาตนเองและองค์กรที่มีความหลากหลายไปสู่จุดหมายที่ตั้งไว้ รวมถึงประยุกต์ใช้ได้จริงในชีวิตประจําวันและการทํางานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

กลุ่มเป้าหมาย

ผู้บริหาร, ผู้จัดการ, หัวหน้างาน, พนักงานทั่วไป และผู้ที่ต้องการพัฒนาตัวเอง

 

 

วิธีการอบรม

การบรรยาย/กิจกรรมกลุ่ม, เดี่ยว/ ทำแบบ Assessment /Clip VDO

 

รูปแบบหลักสูตร

1.การบรรยาย                                                      30 %

2.เกมส์ / กิจกรรมกลุ่ม / ฝึกปฏิบัติ Workshop    70%

ติดต่อสอบถาม

Tel : 098-8209929 คุณกุ้ง

E-mail: inwtraining.sale@gmail.com

Line id : @Tesstraining

Facebook : tesstrainingpage

ทาง บริษัท เทสส์ เทรนนิ่ง จำกัด เป็นบริษัทฝึกอบรมสัมมนาครบวงจร

http://www.tesstraining.com

Public ยืนยัน หลักสูตร Storytelling เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการสื่อสารในการทำงาน ( Storytelling for Success ) อบรม 18 มี.ค.65

Public ยืนยัน หลักสูตร Storytelling เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการสื่อสารในการทำงาน ( Storytelling for Success ) อบรม 18 มี.ค.65

 

สถานที่อบรม โรงเเรม โนโวเทล สุขุมวิท 20  เดินทางโดยรถไฟฟ้า BTS อโศก

ทางออกที่ 6 เเละ MRT สถานีสุขุมวิท :สามารถเดินทางสดวก

 หลักการและเหตุผล :

        ในการทำการตลาดในปัจจุบันนั้น การใช้คอนเทนต์ในการทำการตลาดเป็นสิ่งที่เจ้าของธุรกิจและนักการตลาดหลายๆท่านใช้อยู่แล้ว แต่อย่างที่เราทราบกันดี ว่าคอนเทนต์ในโลกออนไลน์นั้นมีจำนวนมากเกินกว่าที่ผู้บริโภคต้องการที่จะรับสารได้ทั้งหมด เพราะฉะนั้นการสื่อสารออกไปเพียงฝ่ายเดียว อย่างเช่น การบอกเหตุผลกับลูกค้า ว่าทำไมพวกเขาจึงควรซื้อผลิตภัณฑ์ หรือทำไมต้องใช้บริการของธุรกิจเราเพียงอย่างเดียว จะใช้ไม่ได้ผลอีกต่อไป

         ธุรกิจจำเป็นที่จะต้องเริ่มแบ่งปันเรื่องราวเบื้องหลังของแบรนด์ของคุณ ว่าคุณผ่านอะไรมา ทำไมธุรกิจของคุณถึงมีอยู่ และธุรกิจของคุณได้ช่วยเหลืออะไรบ้าง ซึ่งการที่ธุรกิจของคุณสามารถแบ่งปันเรื่องราว หรือประสบการณ์ที่เคยผ่านพบเจอมา จะทำให้ธุรกิจของคุณนั้นมีความน่าสนใจมากขึ้น และเชื่อมต่อกับผู้คน สร้างความไว้วางใจ โดยเรื่องราวที่ถูกบอกเล่าออกไป จะส่งผลให้เกิดการสร้างมูลค่าให้แก่แบรนด์ของคุณอีกด้วย นั่นก็คือ “ เรื่องราวของแบรนด์”

         เราเคยได้ยินคำว่า “Storytelling” กันมามาก บางคนว่าคือการเอาเรื่องมาเล่า บางคนว่าคือกลยุทธใหม่ของธุรกิจ บางคนว่าคือเทคนิคจูงใจคน บางคนว่าคือเคล็ดลับความสำเร็จ และอีกหลายแห่งก็ว่า มันคือวิธีการสร้างแบรนด์บนโลกออนไลน์ แต่มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ หรือ Content is NOT King เนื้อหาหล่อๆ คำพูดเท่ๆ ไอเดียแปลกๆ ใครๆ ก็พูดได้ Storytelling is the best way to communicate people หรือการนิยามเหนือๆ เป้าหมายล้ำๆ ใครๆ ก็โชว์คูลได้เหมือนกัน

        แต่การนำ “ไอเดีย ความคิด และเรื่องเหล่านั้น” ลงไปวางในใจผู้คนได้จริง รู้วิธี รู้จังหวะปลูกฝังลงในความคิด ไม่ต้องประดิษฐ์เล่นคำ ไม่ต้องเป็นคนดัง ไม่ต้องเล่นมุข ไม่ต้องพยายามฮา และรู้วิธีและมีทักษะในการทำให้ผู้คนเกิดอารมณ์และความเต็มใจได้ สิ่งเหล่านี้มีเพียง “นักเล่าเรื่อง” ที่ถูกฝึกสร้างมาอย่างเป็นกระบวนการเท่านั้นที่ทำได้ เพราะ “กระบวนการคิด” และ “ศิลปะการเชื่อมโยงจินตนาการให้ผู้คนด้วยเรื่องเล่า” นั้น ได้กลายเป็นทักษะเฉพาะตัวของนักเล่าเรื่องเหล่านั้น

วัตถุประสงค์

  1. เพื่อให้ผู้เข้าอบรม ได้เรียนรู้เกี่ยวกับหลักการ และกระบวนการของ Storytelling นำไปใช้เป็นแนวทางการกำหนดเป้าหมายขององค์กร

  2. เพื่อให้ผู้เข้าอบรม สามารถนำความรู้ที่ได้รับจาก Storytelling ไปประยุกต์ใช้กับตนเอง เพื่อให้การบริหารงานเกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

  3. เพื่อให้ผู้เข้าอบรม ได้เรียนรู้จากการแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับวิทยากรและผู้เข้าร่วมฝึกอบรมด้วยกัน อันจะนำไปสู่การพัฒนาแนวคิดของ Storytelling ให้เหมาะสมกับองค์กร

  4. เพื่อให้ผู้เข้าอบรม สามารถใช้เครื่องมือร่วมสมัยเพื่อช่วยให้การวางแผนมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

  5. เพื่อให้ผู้เข้าอบรม ได้เข้าใจและเรียนรู้เทคนิคการสร้างเรื่องเล่าและการเล่าเรื่อง พร้อมฝึกฝนร่วมกัน

 

เนื้อหาหลักสูตร

  1. Storytelling จากกลยุทธ์ทางการตลาดสู่การเป็นเครื่องมือสร้างคนในองค์กร

  2. กระบวนการพื้นฐานในการเรียนรู้ของบุคคล

  3. ความสำคัญ และประโยชน์ของการใช้ Storytelling ในการทำงาน

  4. การจำแนกประเภทของ Storytelling

  5. ขั้นตอนในการสร้าง Storytelling ให้น่าสนใจและเกิดประสิทธิผล

  • การคิดเรื่องเล่าตามจุดประสงค์ที่ต้องการ

  • การสร้าง Story Content

  • การเล่าเรื่อง Story Telling

  1. เทคนิคการนำเสนอที่ทรงพลังสำหรับ Story Teller

  2. วิธีการตั้งประเด็น และตอบคำถามอย่างถูกวิธี

  3. การประยุกต์ใช้ Storytelling เพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ เช่น

  • การสอนงาน

  • การบริหารจัดการ

  • การนำเสนองาน

  • การสร้างภาพลักษณ์ที่ดี

  • การบอกเล่าประสบการณ์

  • การถ่ายทอดความรู้

  1. Workshop การสร้าง Storytelling และฝึกเทคนิคการนำเสนอที่ประทับใจ

 

ประโยชน์ที่ได้รับ

1.ผู้เข้าอบรม ได้เรียนรู้เกี่ยวกับหลักการ และกระบวนการของ Storytelling นำไปใช้เป็นแนวทางการกำหนดเป้าหมายขององค์กร

2.ผู้เข้าอบรม สามารถนำความรู้ที่ได้รับจาก Storytelling ไปประยุกต์ใช้กับตนเอง เพื่อให้การบริหารงานเกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

3.ผู้เข้าอบรม ได้เรียนรู้จากการแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับวิทยากรและผู้เข้าร่วมฝึกอบรมด้วยกัน อันจะนำไปสู่การพัฒนาแนวคิดของ Storytelling ให้เหมาะสมกับองค์กร

4.ผู้เข้าอบรม สามารถใช้เครื่องมือร่วมสมัยเพื่อช่วยให้การวางแผนมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

5.ผู้เข้าอบรม ได้เข้าใจและเรียนรู้เทคนิคการสร้างเรื่องเล่าและการเล่าเรื่อง พร้อมฝึกฝนร่วมกัน

 

รูปแบบหลักสูตร

1.การบรรยาย                                                                  30 %

2.กิจกรรมกลุ่ม / ฝึกปฏิบัติ Workshop                            70%

 

ราคาโปรโมรชั่น 3,900 บาท/ ท่าน

บรรยาย 09.00-16.00

  • สมัครเข้าอบรม 3 ท่าน  พร้อมกัน รับส่วนลดทันที เพียง ท่านละ 3,200 บาท

  • สมัครจ่าย 4 ท่านขึ้นไปเเถมฟรี 1 ท่านค่ะ ทันที

  • ฟรีเอกสารประกอบการอบรม อาหารว่าง มื้อ และอาหารกลางวัน

  • โรงเเรม โนโวเทล สุขุมวิท 20  เดินทางโดยรถไฟฟ้า BTS อโศก

    ทางออกที่ 6เเละ MRT สุขุมวิท : ท่านสามารถเดินทาง

  • หลักสูตรนี้มีคำตอบ ที่นี่ที่เดียว

    สนใจสมัครเพื่อรับองค์ความรู้ได้ที่ คุณกุ้ง 0988209929 คุณกุ้ง

     

ติดต่อสอบถาม

Tel : 098-8209929 คุณกุ้ง

E-mail: inwtraining.sale@gmail.com

Line id : @Tesstraining

Facebook : tesstrainingpage

ทาง บริษัท เทสส์ เทรนนิ่ง จำกัด เป็นบริษัทฝึกอบรมสัมมนาครบวงจร

http://www.tesstraining.com

 

 

 

confirm Public Training เปิดรับสมัคร ยืนยัน  หลักสูตร การค้าระหว่างประเทศ นำเข้า-ส่งออก ทั้งระบบ 23 ก.พ.65 สถานที่จัด ศูนย์ประชุม-สัมมนา-เดอะคอนเน็คชั่น-@mrt-ลาดพร้าว

confirm Public Training เปิดรับสมัคร ยืนยัน  หลักสูตร การค้าระหว่างประเทศ นำเข้า-ส่งออก ทั้งระบบ 23 ก.พ.65 สถานที่จัด ศูนย์ประชุม-สัมมนา-เดอะคอนเน็คชั่น-@mrt-ลาดพร้าว

 

สถานที่จัด ศูนย์ประชุม-สัมมนา-เดอะคอนเน็คชั่น-@mrt-ลาดพร้าว

 

การส่งออกและนำเข้าสินค้าในปัจจุบันมีการขยายตัวเพิ่มมากขึ้นตามการเจริญเติบโตทาง เศรษฐกิจของประเทศและของโลก ประกอบกับการค้าวิถีใหม่ NEW NORMAL  เป็นการค้าในระบบอิเล็กทรอนิกส์  ที่มีความสะดวก รวดเร็ว ผู้ปฏิบัติต้องมีความพร้อมในการประกอบธุรกิจอย่างชาญฉลาด ทันสมัย ตามการค้าของโลกที่เปลี่ยนไปเร็วมาก

สิ่งที่ผู้ประกอบการธุรกิจนำเข้า-ส่งออก, นักธุรกิจ, ผู้ผลิต, ผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อต่างประเทศ, นายหน้าหรือตัวแทนการค้า, รวมทั้งพนักงานที่ปฏิบัติหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมดังกล่าวและผู้สนใจทั่วไป จำเป็นต้องศึกษาเรียนรู้ในเรื่องของการค้ายุคใหม่ที่นำเอาระบบ Logistics & Supply Chain มาบริหารจัดการให้ได้รับประโยชน์สูงสุดเพื่อให้การประกอบธุรกิจเป็นไปอย่างสะดวกและได้รับผลสำเร็จคุ้ม ค่ากับการลงทุน

 

 

หัวข้อเนื้อหา

  ความรู้ทางด้านการค้าระหว่างประเทศ (Import -Export Operations)

   ความหมายของการประกอบธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ

   วิธีการชำระเงิน และความเสี่ยงที่เกิดขึ้นในการชำระเงินระหว่างประเทศ

  เอกสารที่ควรจัดเตรียมในการนำเข้าสินค้า

  สำหรับพิธีการชำระอากร พิธีการวางประกัน พิธีการขนถ่ายข้างลำ

  พิธีการคลัง สินค้าทัณฑ์บนประเภทร้านค้าปลอดอากร ต้องมีเอกสาร

  พักเบรก

  ขั้นตอนในการส่งสินค้า และการจัดทำเอกสารที่เกี่ยวข้องทางการค้าระหว่างประเทศ

  เอกสารทางการเงิน (Financial Document)

  เอกสารทางการขนส่ง (Transport Document)

  เอกสารทางการค้า (Commercial Document)

  พักรับประทานอาหารกลางวัน

  การเตรียมความพร้อมในการดำเนินธุรกิจส่งออกและนำเข้าในระบบโลจิสติกส์ ภายใต้พระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2560

  – หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการนำเข้าตาม พ.ร.บ. ศุลกากร พ.ศ. 2560

  ความรับผิดในการเสียค่าอากร การคำนวณค่าภาษีอากร

  อายุความในการประเมินอากรหลังการตรวจปล่อย (Post Clearance Audit)

  สินค้าที่มีมาตรการนำเข้าและส่งออกตามพระราชบัญญัติ ฯ พ.ศ.2558

  สินค้าต้องห้าม-ต้องกำกัด

  สินค้าที่ห้ามนำผ่านและผ่านได้

  สินค้าที่ต้องมีมาตรฐาน

  e-Import : การผ่านพิธีการศุลกากรทางอิเล็กทรอนิกส์สำหรับการนำเข้า

  หลักเกณฑ์ด้านพิกัดอัตราศุลกากร (HS Code) พิกัดอัตราศุลกากรฮาร์โมไนซ์อาเซียน (AHTN)

  หลักเกณฑ์ด้านราคาศุลกากร Gatt Valuation ในการประเมินภาษีอากรในการนำเข้า

  หลักเกณฑ์การใช้สิทธิพิเศษทางภาษีอากรว่าด้วยการเปิดเสรีทางการค้า

   การยกเว้นหรือลดอัตราอากรสำหรับเขตการค้าเสรี (FTA)

  พักเบรก

  การตรวจสอบสิทธิก่อนและหลังการนำสินค้าเข้า

  การรับรองแหล่งกำเนิดด้วยตนเอง (Self Certification)

  e-Export: พิธีการศุลกากรทางอิเล็กทรอนิกส์สำหรับสินค้าส่งออก

  การยกเว้นอากรสำหรับของส่งออกแล้วจะนำกับเข้ามาในภายหลัง (สุทธินำกลับ)

  การขอคืนอากรสำหรับสินค้าที่นำเข้ามาแล้วส่งกลับออกไป (Re-Export)

  การคืนอากรสำหรับของที่นำเข้ามาผลิต ผสม ประกอบ บรรจุ หรือดำเนินการด้วยวิธีอื่นใด(มาตรา 29)

  การใช้สิทธิประโยชน์ของคลังสินค้าทัณฑ์บน (Bonded Warehouse) เขตปลอดอากร (Free Zone) เขตประกอบการเสรี (I-EAT Free Zone)

  การขอรับเงินชดเชยค่าภาษีอากรสำหรับสินค้าส่งออก (Tax Coupon)

  ปัญหา ข้อควรระวัง และแนวทางในการแก้ไขข้อผิดพลาดการนำเข้า-ส่งออก

  การรับรองป้องกันภัยจากการก่อการร้ายจากมาตรฐานเออีโอ (AEO) and (C-TPAT)

  สรุปการบรรยาย

 

 

วิทยากร อาจารย์ มนตรี ยุวชาติ

การศึกษา:  ปริญญาตรี  Bachelor of Business Administration  (Bangkok University)

                     ปริญญาโท   Master of Business Administration

ตำแหน่งงานที่ผ่านมา:  เจ้าหน้าที่บริหาร Asst. Vice President บมจ. ธนาคารกรุงเทพ สำนักงานใหญ่

        รับผิดชอบงาน

  • สำนักธุรกิจส่งออก-นำเข้า บมจ.ธนาคารกรุงเทพ สำนักงานใหญ่

  • กำกับดูแล – ธุรกิจส่งออกและนำเข้า สำนักงานใหญ่

  • งานให้คำปรึกษาธุรกิจส่งออกและนำเข้า (Trade Advisory)

ตำแหน่งงานพิเศษ                ผู้ประนีประนอม

  • ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง

  • ศาลแพ่งกรุงเทพใต้

  • ศาลแพ่งพระโขนง

  • ศาลอาญาพระโขนง

ประสบการณ์การบรรยายมากกว่า 30 ปี

เคยเป็นผู้บรรยายพิเศษ

       –       จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (หลักสูตรปริญญาโท คณะนิติศาสตร์)

  • สถาบันการบินพลเรือน (หลักสูตรปริญญาโท)

  • มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย

  • มหาวิทยาลัยศรีปทุม

  • สถาบันเทคโนโลยี่ไทย-ญี่ปุ่น

เคยเป็นวิทยากรพิเศษ

–       บมจ. ธนาคารกรุงเทพ ได้รับรางวัลวิทยากรดีเด่นด้านความสามารถในการสอนดีเด่น

 

 

โปรโมชั่น พิเศษดังกล่าว สงวนสิทธิ์เฉพาะ

บริษัท เทสส์ เทรนนิ่ง จำกัด เท่านั้น

 

ค่าอบรมสัมมนา

ท่านละ 3,500 บาท

สมัครอบรม 5 ท่านขึ้นไปท่านละ 2900 เข้าอบรมได้ 6 ท่าน

 

ราคาดังกล่าว ฟรี
1) เอกสารประกอบการสัมมนา (เข้าเล่ม)
2) ใบประกาศผ่านการอบรม
3) อาหารเบรก 2 มื้อ อาหารกลางวันโรงแรม รับกระเป๋าผ้าสมุดปากกา หน้างาน

สถานที่จัด ศูนย์ประชุม-สัมมนา-เดอะคอนเน็คชั่นลาดพร้าว

 

ติดต่อสอบถาม

Tel : 098-8209929 คุณกุ้ง

E-mail: inwtraining.sale@gmail.com

Line id : @Tesstraining

Facebook : tesstrainingpage

ทาง บริษัท เทสส์ เทรนนิ่ง จำกัด เป็นบริษัทฝึกอบรมสัมมนาครบวงจร

www.tesstraining.com

www.inwtraining.com

Online Zoom เปิดรับสมัคร  ยืนยันจัด หลักสูตร เทคนิคการขาย เพื่อการเป็นมืออาชีพขั้นเทพ ปรับเเนวทางการขายยุคใหม่ อ.ประเสริฐ 19 ก.ย.65 09.00-16.00

Online Zoom เปิดรับสมัคร  ยืนยันจัด หลักสูตร เทคนิคการขาย เพื่อการเป็นมืออาชีพขั้นเทพ ปรับเเนวทางการขายยุคใหม่ อ.ประเสริฐ 19 ก.ย.65 09.00-16.00

 

ราคาโปรโมรชั่น 2,500  บาท บรรยาย 09.00-16.00

จ่ายชำระ 3 ท่าน  เข้าอบรมได้ 4 ท่าน

ราคาหลักสูตรออนไลน์ รับใบประกาศแบบออนไลน์

 

 

การขายในยุคนี้เน้นความต่างมาเป็นอันดับแรก เพราะปัจจุบันนักขายมีความคล้ายเหมือนกันมากจนเกินไป กล่าวคือ พนักงานขายไม่ได้แสดงบทบาททางการขายที่สมบูรณ์ จึงมีให้เห็นบ่อยว่า พนักงานขายส่วนใหญ่จะเน้นแต่การนำเสนอขายเพียงอย่างเดียว แต่ไม่เข้าใจความต้องการ นำเสนอได้ไม่ตรงจุดหรือแม้แต่การขจัดข้อข้องใจหรือการจับประเด็นในการเจรจาต่อรอง อีกทั้ง ในยุคนี้ประเด็นใหม่ก็มาท้าทายพนักงาน คือ หากมัวแต่ค้นหาปัญหาลูกค้าจนลืมการเสนอไอเดียก็ถือว่าแนวทางการขายที่เก็บปัญหาด้านเดียวก็ถือว่าล้าหลัง ดังนั้น การขายขั้นเทพ หมายถึง คุณจะเป็นนักขายที่มีแนวทางในการเสนอไอเดียเพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้าของคุณเอง

 

เหมาะสำหรับพนักงานขายทุกระดับ

 

วัตถุประสงค์

  • ผู้เข้าอบรมเข้าใจถึงกระบวนการขายอย่างนักขายมืออาชีพ

  • สามารถวิเคราะห์ลูกค้า เพื่อการนำเสนอการขายที่ตรงใจได้อย่างมืออาชีพ

  • เข้าใจแนวทางในการค้นหาความต้องการของลูกค้า

  • สามารถวิเคราะห์จุดเด่นของสินค้า และหาจุดขายของสินค้าที่เหนือคู่แข่งได้

  • พัฒนาเทคนิคการขจัดข้อข้องใจเพื่อนำลูกค้าไปสู่การปิดการขาย

  • เรียนรู้เทคนิคการติดตามลูกค้าอย่างมืออาชีพ

หัวข้ออบรมสัมมนา

​1) ศิลปะการขายสินค้าให้ได้ราคา

2) ล้วงลับ “กลลวงการขาย” ให้ได้ยอด

3) “ยอดขายทะลุเป้า” ต้องรู้หลักจิตวิทยา

4) “CUSTOMER’S RAT” ลูกค้าคือหนู ต้องจับหนูให้อยู่หมัด

การเข้าใจในการหาข้อมูลของลูกค้า ที่เราจะต้องรู้เท่าทันความต้องการ ความสงสัยรวมถึงปัญหาและคำถามของลูกค้า รวมไปถึงเราต้องได้ข้อมูลจำเป็น 4 ข้อในการสร้างโอกาสทางการขาย

5) 4 TOOLS การใช้ 4 อาวุธเพื่ออ่านเกมขายเพิ่มยอด

6) CUSTOMER INSIGHT เทคนิคการอ่านพฤติกรรมลูกค้าแบบ FBI

การอ่านความต้องการภายในที่มาจากคำพูด คำถาม การแสดงออกในขณะนำเสนอ ซึ่งหัวใจสำคัญในการขายคือ เข้าถึงปัญหาที่ซ่อนอยู่ภายในใจ เช่น สินค้าคุณราคาค่อนข้างสูงเลยทีเดียว คำถามแบบนี้แสดงว่า ลูกค้ามีข้อมูลของตลาดพอสมควร รวมถึงอาจจะมีราคาที่ถูกในใจแล้ว จึงสามารถรู้ว่าราคาเราสูงหรืออีกนัยหนึ่งอาจจะเกินงบไปแล้วก็ได้

7) ปรับจุดยืนสร้างสัมพันธ์ก่อนซื้อขาย

8) เสกมนตร์ลับสร้างความต่างทางการขาย

9) BENEFIT วิเคราะห์จุดเด่นของสินค้าและสิ่งที่ลูกค้าสนใจ

10) “กระจก” สะท้อนข้อข้องใจขจัดข้อโต้แย้ง

11) การสวนกลับเชิงบวกพิชิตใจ

การเข้าใจในประเด็นของคำถามที่สร้างแง่ลบให้กับเรา เช่น ขอคิดดูก่อน เอาไว้ก่อน หรือแม้แต่การเงียบใส่ในขณะที่นำเสนอจบ ซึ้งนักขายที่ดีจะไม่เงียบตาม แต่จะนำคำเหล่านั้นมาสร้างเป็นเหตุจูงใจในการอาสาเพื่อช่วยเหลือหรือขจัดข้อสงสัย

12) เจรจาและปิดการขายทรงพลัง

13) CLOSE SELLING ปิด ตัด จบ 3 เทคนิคสร้างยอดขาย

14) ไพ่ 3 ใบ สู่การโน้มน้าวให้สำเร็จ

สิ่งที่ใช้ต่อรองในเกมการเจรจาต่อรอง ซึ่งมีด้วยกัน 3 อย่างที่ใช้ต่อรอง แต่ส่วนใหญ่นักขายมักใช้แค่ส่วนลด ซึ้งไม่ได้ก่อให้เกิดกำไร เพราะเล่นที่โปรโมชั่น ดังนั้น คำว่าไพ่ 3 ใบ คือ ข้อต่อรอง 3 เรื่องที่นักขายมักใช่แค่ใบเดียว จะให้ดีควรใช้อีก 2 ใบที่เหลือด้วย

15) กลยุทธ์สรุปการขายแบบนักขายขั้นเทพ

16) กลยุทธ “ด้ายแดงแห่งสัมพันธ์” CRM

สรุปบรรยาย

 

ราคาดังกล่าว ฟรี

1) ใบประกาศผ่านการอบรม

2) ไฟล์ PDF การสอน

ติดต่อสอบถาม

Tel : 098-8209929 คุณกุ้ง

E-mail: inwtraining.sale@gmail.com

Line id : @Tesstraining

Facebook : tesstrainingpage

ทาง บริษัท เทสส์ เทรนนิ่ง จำกัด เป็นบริษัทฝึกอบรมสัมมนาครบวงจร

http://www.tesstraining.com

หลักสูตร : OEE การปรับปรุงประสิทธิผลโดยรวมของเครื่องจักรและการผลิต Overall Equipment Effectiveness : OEE  อบรม 3 พ.ค.65 

หลักสูตร : OEE การปรับปรุงประสิทธิผลโดยรวมของเครื่องจักรและการผลิต Overall Equipment Effectiveness : OEE  อบรม 3 พ.ค.65

สามารถเรียนได้ทางคอมเเละมือถือ อยู่ที่ไหน ก้อสามารถเรียนได้ ผ่านระบบโปรเเกรม ZOOM

Online Training  ราคา ท่านละ 2,500 บาท 09.00-16.00

ในธุรกิจอุตสาหกรรมที่ใช้เครื่องจักรเป็นหลักในการผลิต มักไม่ได้สนใจวิธีการซ่อมบำรุงรักษาอย่างถูกต้อง ผลที่ตามมาก็คือเครื่องจักรไม่มีสมรรถนะการทำงานที่ดี ผลิตชิ้นงานออกมาไม่สม่ำเสมอ จนทำให้เกิดสัมพันธภาพที่ไม่ดีระหว่างหน่วยงานผลิตและหน่วยงานซ่อมบำรุง ทำให้เกิดต้นทุนสูง การส่งมอบไม่ทันเวลา ซึ่งส่งผลให้ขาดความร่วมมือกันของหน่วยซ่อมบำรุงและพนักงานหน่วยผลิต ด้วยปัญหานี้ จึงเกิดการพัฒนาวิธีการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพขึ้นในการดูแลรักษาเครื่องจักรในกระบวนการผลิต คือ การบำรุงรักษาทวีผลแบบทุกคนมีส่วนร่วม (Total Productive Maintenance – TPM) ซึ่งสามารถทำให้ใช้เครื่องจักรได้อย่างมีประสิทธิผล สินค้าได้คุณภาพและปริมาณตามความต้องการของลูกค้า

จากสถานการณ์ปัจจุบัน หากเกิดการสูญเสียและความสูญเปล่าขึ้น จากกระบวนการผลิตซึ่งมีผลกระทบจากการทำงานของเครื่องจักรที่ไม่เต็มประสิทธิภาพและเสียบ่อย ประการแรก คือ การสูญเสียค่าใช้จ่ายแฝง และโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าความสูญเสียเกิดจากเครื่องจักรมากจะทำให้มีผลกระทบโดยตรงต่อระบบการผลิต  เป็นการเพิ่มค่าใช้จ่ายจากความสูญเปล่าหลัก 7 ประการ (7 Waste) ตามไปด้วย ทำให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง จำเป็นต้องเข้าใจค่าวัดประสิทธิผลโดยรวมของเครื่องจักร (OEE) เพื่อทำการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องและลดอาการเสียของเครื่องจักรที่ไม่พึงปรารถนาในการผลิต อีกด้วย

ในหลักสูตรนี้เป็นการกล่าวถึงที่มาที่ไปของการวัดค่าโดยรวมของเครื่องจักรอุปกรณ์ หรือ OEE (Overall Equipment Effectiveness) ซึ่งถือเป็นดัชนีความสำเร็จในภาพรวม โดยพิจารณาที่ผลลัพธ์เป็นสำคัญ กล่าวคือ การพิจารณาที่การใช้ประโยชน์จากเครื่องจักร การใช้ประโยชน์จากวัตถุดิบและการทำงานได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ นอกจากนั้นยังจำเป็นต้องมีหน่วยวัดอื่น เช่นการวัดระยะเวลาเฉลี่ยที่เครื่องจักรใช้งานได้ก่อนการเสียหาย หรือ MTBF (Mean Time Between Failure) และ ระยะเวลาเฉลี่ยที่ใช้ในการแก้ไขเมื่อเครื่องจักรเสียแต่ละครั้ง หรือ MTTR (Mean Time To Repair)  เป็นต้น รวมถึงหลักการซ่อมบำรุงรักษาด้วยตนเองเบื้องต้นของผู้ที่อยู่หน้าเครื่องจักร (AM) ทั้ง 8 ด้านที่ควรรู้ เพื่อให้ผู้ปฏิบัติงานสามารถรับรู้ถึงประสิทธิภาพโดยรวมของเครื่องจักรไปพร้อม วัดประสิทธิผลของการปฏิบัติที่ค่าประสิทธิผลโดยรวมของเครื่องจักรอุปกรณ์ หรือ OEE (Overall Equipment Effectiveness) ซึ่งถือเป็นดัชนีความสำเร็จในภาพรวม โดยพิจารณาที่ผลลัพธ์เป็นสำคัญ กล่าวคือ การพิจารณาที่การใช้ประโยชน์จากเครื่องจักร การใช้ประโยชน์จากวัตถุดิบและการทำงานได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ นอกจากนั้นยังจำเป็นต้องมีหน่วยวัดอื่น เช่นการวัดระยะเวลาเฉลี่ยที่เครื่องจักรใช้งานได้ก่อนการเสียหาย หรือ MTBF (Mean Time Between Failure) และ ระยะเวลาเฉลี่ยที่ใช้ในการแก้ไขเมื่อเครื่องจักรเสียแต่ละครั้ง หรือ MTTR (Mean Time To Repair)  เป็นต้น รวมถึงหลักการซ่อมบำรุงรักษาด้วยตนเองเบื้องต้นของผู้ที่อยู่หน้าเครื่องจักร (AM) ทั้ง 8 ด้านที่ควรรู้ เพื่อให้ผู้ปฏิบัติงานสามารถรับรู้ถึงประสิทธิภาพโดยรวมของเครื่องจักรไปพร้อม ๆกันเพื่อเป็นแนวทางในการปรับปรุงเครื่องจักรอย่างต่อเนื่องต่อไป

วัตถุประสงค์

เพื่อสร้างความเข้าใจต่อต้นทุนการผลิต และสร้างผลกำไรให้กับบริษัท

เพื่อเสริมสร้างแนวคิดการป้องกัน การวิเคราะห์และแก้ไขปัญหาเครื่องจักรอย่างเป็นมีรูปแบบ

เพื่อเป็นแนวทางในการปรับปรุง และพัฒนาเครื่องจักร ด้วยการวัดค่าจาก OEE

เพื่อสร้างการทำงานเป็นทีม การยอมรับในความเห็นที่แตกต่าง เกิดความสามัคคี

เพื่อสร้างแรงจูงใจในการทำงานให้กับผู้เข้ารับการอบรม

หัวข้อการอบรมและกำหนดการ

09.00 – 10.30 น.

– องค์ประกอบของธุรกิจ ต้นทุน กำไร และรายได้

– พื้นฐานการผลิตตามหลักการ 4M+1I

– องค์ประกอบที่สำคัญในสายการผลิตที่ประสบผลสำเร็จ

– บทบาทและความรับผิดชอบของพนักงานฝ่ายผลิตในสายงานซ่อมบำรุง

10.30 – 10.45 น. พักเบรก

10.45 – 12.00 น.

– ความสูญเสียหลัก 6 ประการที่ผลต่อเครื่องจักรและการผลิต
– การบำรุงรักษาแบบ TPM คืออะไร และความจำเป็นในการทำกิจกรรม TPM

Workshop: การค้นหาความสูญเสียหลัก 6 ประการ

12.00 – 13.00 น. พักเที่ยง

13.00 – 14.30 น.

– การหาค่าเฉลี่ยการซ่อม MTTR และการหาค่าเฉลี่ยการผลิต MTBF ในแต่ละวัน
– หลักการคำนวณและแนวทางการหาค่า OEE ที่มีประสิทธิภาพ

        การหาค่าอัตราการเดินเครื่อง Availability

        การหาค่าประสิทธิภาพการเดนเครื่อง Performance Efficiency

       อัตราคุณภาพ Quality Rate

       การหาค่า OEE

14.30 – 14.45 น. พักเบรก

14.45 – 16.00 น.

– วิธีการปรับปรุงเมื่อค่า OEE ต่ำกว่าเป้าหมาย

– การทำ Focus Improvement หรือปรับปรุงเฉพาะจุดของเครื่องจักร

– กิจกรรมเสริมที่ช่วยให้การบำรุงรักษาเครื่องจักรประสบความสำเร็จ

– กรณีศึกษาจากกิจกรรม Seiso – Inspection และกรณีศึกษาจากตัวอย่างจริง

Workshop1 การฝึกเขียนลำดับขั้นการทำงานและการวิเคราะห์จากงานตัวอย่าง เพื่อปรับปรุงการทำงาน

Workshop2 การรวมตัวเพื่อสร้างกลุ่ม TPM ในการทำกิจกรรมการบำรุงรักษาด้วยตนเอง แบ่งผู้เข้าสัมมนาออกเป็น 5 กลุ่มย่อย นำเครื่องจักรที่ใช้ในการปฏิบัติงานจริงในโรงงานมาทำกรณีศึกษาหาค่า OEE และนำเสนอผลงานแต่ละกลุ่มอภิปรายแสดงความคิดเห็นและแลกเปลี่ยนประสบการณ์

-แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ถามตอบ

 

กลุ่มเป้าหมาย

หัวหน้างาน พนักงาน และผู้ที่สนใจทั่วไป

 

รูปแบบการสัมมนา

  1. การบรรยาย 60 %

  2. เกมส์ / กิจกรรมกลุ่ม / ฝึกปฏิบัติ Workshop และการนำเสนอผลงานกลุ่ม 30%

  3. กรณีศึกษา และดูภาพยนตร์ 20 %

 


ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ

        1.ผู้เข้าอบรมสามารถเรียนรู้และเข้าใจหลักการคำนวน OEE อย่างถูกต้อง

        2.ผู้เข้าอบรมสามารถนำหลักการของการวิเคราะห์ไปประยุกต์ใช้กับงานของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ

        3.ผู้เข้าอบรมสามารถเรียนรู้การซ่อมบำรุงเครื่องจักรเบื้องต้นด้วยตนเองได้

        4.ผู้เข้าอบรมมีความเข้าใจการหาค่าวัดประสิทธิภาพตามค่า MTTR และ MTBF

        5.ผู้เข้าอบรมมีสำนึกการรักองค์กรมากขึ้น

 

ติดต่อสอบถาม

Tel : 098-8209929 คุณกุ้ง

E-mail: inwtraining.sale@gmail.com

Line id : @Tesstraining

Facebook : tesstrainingpage

หลักสูตรสามารถเลือกจัดรูปเเบบ IN HOUSE  ในองค์กรเเจ้งได้ค่ะ

ทาง บริษัท เทสส์ เทรนนิ่ง จำกัด เป็นบริษัทฝึกอบรมสัมมนาครบวงจร

http://www.tesstraining.com

 

Online Training หลักสูตร : เทคนิคการลดข้อผิดพลาดในการทำงาน (Mistake proofing technique) อบรม 26 ก.พ.65

Online Training หลักสูตร : เทคนิคการลดข้อผิดพลาดในการทำงาน (Mistake proofing technique) อบรม 26 ก.พ.65

 

 

สามารถเรียนได้ทางคอมเเละมือถือ อยู่ที่ไหน ก้อสามารถเรียนได้ ผ่านระบบโปรเเกรม ZOOM

Online Training  ราคา ท่านละ 1,500 บาท 13.00-16.00

หลักสูตร/วัน โปรโมรชั่นสมัคร 3 ท่าน เเถม 1 ท่าน เข้าอบรม 4 ท่าน

 

 

หลักสูตรนี้มีคำตอบ ที่นี่ที่เดียว
สนใจสมัครเพื่อรับองค์ความรู้ได้ที่ คุณกุ้ง 0988209929 คุณกุ้ง

 

คุณภาพของสินค้าหรือบริการคือสิ่งที่ทุกองค์กรต้องสร้างให้เกิดขึ้นในการทำงาน เพื่อให้สามารถตอบสนองความพึงพอใจของลูกค้าให้ได้มากที่สุด การสร้างคนให้เข้าใจในการรักษาไว้ซึ่งคุณภาพและการลดความผิดพลาดในการทำงาน เพื่อให้เกิดงานเสียน้อยที่สุดหรือไม่เกิดขึ้นเลย จึงเป็นโจทย์ที่ยากที่สุดของทุกองค์กร  เพราะถ้าเรามีพนักงานที่มีจิตสำนึกในการที่จะรักษาไว้ซึ่งคุณภาพและลดงานเสีย คิดถึงแต่การทำงานให้มีคุณภาพแล้ว องค์กรยังจะสามารถพัฒนาในด้านต่างๆ ต่อไปได้ง่ายและมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น อีกด้วย

ในหลายๆ องค์กรจึงให้ความสำคัญของการตรวจสอบสินค้าหรือบริการก่อนจะไปถึงลูกค้า ซึ่งความผิดพลาดในการทำงานเหล่านี้จะมีผลกระทบต่อความพึงพอใจของลูกค้า (Customer Satisfaction) และต้องทำการแก้ไขผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ไม่ได้มาตรฐานเหล่านั้น (Rework) ซึ่งทำให้ต้นทุนการดำเนินงานสูงขึ้นไปอีก เทคนิคหนึ่งทางด้านปรับปรุงคุณภาพและมุ่งมั่นสู่ความผิดพลาดเป็นศูนย์ นั้นคือ การใช้เทคนิค POKA-YOKE ซึ่งเป็นระบบป้องกันความผิดพลาดในขบวนการทำงานที่เกิดจากคน (Human Error) หรือที่เรียกกันเป็นที่แพร่หลายว่าระบบป้องกันความผิดพลาดจากการพลั้งเผลอหรือใช้คำว่า Mistake – Proofing นั่นเอง

 

วัตถุประสงค์

  1. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมเข้าใจ ถึงแนวคิดและหลักการของระบบป้องกันความผิดพลาด

  2. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมทราบถึงแนวทางและขั้นตอนในการปรับปรุงงานเพื่อลดความผิดพลาดอย่างต่อเนื่อง

    3. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมเกิดการพัฒนาและแก้ไขปรับปรุงกระบวนการทำงานอย่างถูกวิธีและ

    ทราบถึงอุปสรรคและแนวทางแก้ไขปัญหาได้อย่างถูกต้อง

4.เพื่อเข้าใจถึงต้นทุนการผลิต ความสูญเสียจากความผิดพลาดในการทำงาน

 

หัวข้อการอบรม

  1. กำไร รายได้ และต้นทุนของทุกองค์กร

  2. ความหมายและความสำคัญของคำว่า “คุณภาพ”

  3. จิตสำนึกและจิตสำนึกคุณภาพคืออะไร

  4. ผลกระทบต่อการทำงานที่ขาด “คุณภาพ” ทั้งต่อหน่วยงานและองค์กร

  5. ปัจจัยที่ส่งผลต่อการทำงานที่ผิดพลาด

        5.1 ปัจจัยการกระทำของคน ที่ทำให้เกิดความผิดพลาด

        5.2 ปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมในการทำงาน

Workshop1: แชร์ประสบการณความผิดพลาดของการทำงานปัจจุบัน

  1. สาเหตุของความผิดพลาดที่เกิดจากคน 10 ประการ

Workshop2: ระดมสมองเพื่อลดความผิดพลาดจากสาเหตุ 10 ประการ

  1. เทคนิคการลดความผิดพลาดในการทำงานเบื้องต้น

Workshop3: ป้องกันความผิดพลาดจากการทำงานเบื้องต้น

8.ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเกิดความผิดพลาดของคน (Human Error)

        -ปัจจัยจากตัวบุคคล

        -ปัจจัยภายนอก

        -ปัจจัยจากความกดดัน

        -สภาพแวดล้อมในการทำงาน

9.ระดับของการความคุมความผิดพลาดในการทำงานทั้ง 7 ระดับและการป้องกัน

10.วิธีการใช้งานระบบ Poka Yoke และ Mistake – Proofing เพื่อลดความผิดพลาดของคน

  1. 1 กรณีศึกษาและตัวอย่างระบบป้องกันความผิดพลาด เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้เรียนรู้ถึงการวิเคราะห์ถึงปัญหาและแนวทางแก้ไขปัญหาจากตัวอย่างสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริง

12.Workshop: การทำงานเป็นทีมเพื่อลดความผิดพลาด

13.Workshop: ระดมสมองเพื่อลดความผิดพลาดเป็นศูนย์

 

ติดต่อสอบถาม

Tel : 098-8209929 คุณกุ้ง

E-mail: inwtraining.sale@gmail.com

Line id : @Tesstraining

Facebook : tesstrainingpage

หลักสูตรสามารถเลือกจัดรูปเเบบ IN HOUSE  ในองค์กรเเจ้งได้ค่ะ

ทาง บริษัท เทสส์ เทรนนิ่ง จำกัด เป็นบริษัทฝึกอบรมสัมมนาครบวงจร

http://www.tesstraining.com

 

เปิดรับสมัคร ออนไลน์ หลักสูตร การบริหารและพัฒนาระบบงานธุรการยุคใหม่แบบมืออาชีพ อบรม 21 มี.ค. 65

เปิดรับสมัคร ออนไลน์ หลักสูตร การบริหารและพัฒนาระบบงานธุรการยุคใหม่แบบมืออาชีพ อบรม 21 มี.ค. 65

 

ราคา  1500  บาท บรรยาย 13.00-16.00

  • สมัครเข้าอบรม 4 ท่าน ชำระเพียง 3 ท่าน

ราคาหลักสูตรออนไลน์ รับใบประกาศ 

Online Zoom/ONSITE

ราคาที่ 1 รูปเเบบ ออนไลน์ ผ่านโปรเเกรม zoom

 

หลักการและเหตุผล

จากอดีตปัจจุบัน กระแสคลื่นการเปลี่ยนแปลงของโลกด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง รวดเร็ว โดยเฉพาะในช่วงนี้ และอนาคตท่ามกลางความเปลี่ยนแปลง ในยุคดิจิทัล  สิ่งรอบตัว  สภาพแวดล้อมได้แปรเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว  ส่งผลต่อการดำเนินชีวิตและการทำงาน  ความรู้ในอดีตอาจหมดอายุ หรือไม่สามารถนำมาใช้ในยุดปัจจุบันได้  ดังนั้นต้องมีการพัฒนาตนเองอยู่สม่ำเสมอ การบริหารงานและการพัฒนาระบบงานธุรการที่อาจเกี่ยวข้องกับการบริการภายในและ การจัดเก็บ บริหารเอกสารขององค์กร ในยุคดิจิทัลที่ต้องพัฒนาการจัดเก็บเอกสารแบบแฟ้มสู่การจัดเก็ดแบบดิจิทัลหรือ E-Document

บุคลากรด้านธุรการจึงเป็นส่วนงานที่สำคัญต่อองค์กรอย่างยิ่ง  เพราะต้องคอยสนับสนุนหน่วยงานต่าง ๆ ในองค์กร   ดังนั้นจึงต้องมีการส่งเสริมให้ความรู้ถึงบทบาทหน้าที่  ขอบเขต ความรับผิดชอบของงานธุรการในยุค 4.0 อย่างมืออาชีพ  เทคนิคการทำงานในเชิงรุก  การสื่อสาร การเป็นหน่วยสนับสนุน  เพื่อเพิ่มศักยภาพบุคลากรให้เป็นเจ้าหน้าที่ธุรการมืออาชีพ  เพื่อความสำเร็จในงานและองค์กร

 

วัตถุประสงค์

  1. เพื่อทราบถึงความสำคัญ บทบาท หน้าที่ของหน่วยงานธุรการที่เป็นส่วนสนับงานหลักขององค์กรในยุค 4.0 แบบมืออาชีพ

  2. เพื่อพัฒนาความสามารถในการสื่อสารและประสานงานทั้งหน่วยงานภายในและภายนอก

  3. เพื่อการเพิ่มความเข้าใจและทักษะในการปฏิบัติงาน อาทิ งานด้านเอกสารในยุคดิจิทัล งานบริการในหน่วยงานต่าง ๆ งานสำนักงาน  งานในหน้าที่ของส่วนงานธุรการอย่างมืออาชีพ

หัวข้ออบรม

  1. เรียนรู้ความสำคัญ บทบาท หน้าที่ของหน่วยงานธุรการที่เป็นส่วนสนับงานหลักขององค์กรในยุคใหม่แบบมืออาชีพ

  2. เรียนรู้แนวทาง เทคนิคการกำหนดขอบเขตสายงานธุรการในการบริหารงานธุรการ

  3. เรียนรู้คุณสมบัติ และบุคลิกภาพที่ดีของเจ้าหน้าที่งานธุรการในยุค New Normal

  4. เรียนรู้เทคนิคการทำงานเชิงรุก และหลักการในการสร้างความประทับใจในการสื่อสารประสานงานให้มีประสิทธิภาพ

  5. เรียนรู้เทคนิคการจัดระบบงานเอกสารและการเก็บเอกสารให้ได้ประสิทธิภาพสู่ยุคดิจิทัล

  6. เรียนรู้การจัดทำดัชนีและการจัดหมวดหมู่เอกสารในองค์กรให้มีประสิทธิภาพ

  7. เรียนรู้การพัฒนาระบบงาน งานจัดสำนักงาน  การจัดระเบียบงาน การวางแผนงาน

  8. เรียนรู้ทักษะการต้อนรับผู้มาเยือน การใช้คำพูด  การสนทนาทางโทรศัพท์ที่เหมาะสม

  9. เรียนรู้ลักษณะของกระบวนการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าในงานธุรการ

  10. สรุปการเรียนรู้ ถาม-ตอบ

 

กลุ่มเป้าหมาย

บุคลากรที่รับผิดชอบในหน่วยงานธุรการ หรือส่วนสำนักงาน หรือบุคคลที่สนใจทั่วไป

รูปแบบการสัมมนา

  1. การบรรยายแบบผู้เข้าอบรมมีส่วนร่วม         40 %

  2. ฝึกปฏิบัติ Workshop นำไปประยุกต์ใช้ 60 %

 

อาจารย์ วรรณรีย์  บี้สมบูรณ์

 

 

ติดต่อสอบถาม

Tel : 098-8209929 คุณกุ้ง

E-mail: inwtraining.sale@gmail.com

Line id : @Tesstraining

Facebook : tesstrainingpage

ทาง บริษัท เทสส์ เทรนนิ่ง จำกัด เป็นบริษัทฝึกอบรมสัมมนาครบวงจร

หลักสูตรสามารถเลือกจัดรูปเเบบ IN HOUSE  ในองค์กรเเจ้งได้ค่ะ

www.tesstraining.com

www.inwtraining.com