Public Training หลักสูตร ทักษะการเป็นหัวหน้างานเชิกรุก (Proactive Working for Leadership ) อบรม 27 พ.ค.65
Public Training หลักสูตร ทักษะการเป็นหัวหน้างานเชิกรุก (Proactive Working for Leadership ) อบรม 27 พ.ค.65
จัด อบรม โรงเเรม โนโวเทล สุขุมวิท 20 ติด BTS อโศก สถานี MRT สุขุมวิท
หลักการและเหตุผล :
สถานการณ์การทำงานในปัจจุบัน มีการแข่งขัน และ ความเปลี่ยนแปลงอย่างมากมาย ทำให้ต้องมีการปรับตัว ทั้งส่วนองค์กรและส่วนพนักงาน หัวหน้างานจึงมีความจำเป็นต้องพัฒนาศักยภาพของตนอยู่เสมอ เพื่อให้เป็นมืออาชีพที่แท้จริง มีการปรับวิธีการทำงาน ป้องกันและแก้ไขปัญหาต่างๆได้อย่างเหมาะสม สามารถสื่อสารและประสานงานกับลูกน้องได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยกระดับคุณภาพตัวเอง แข่งขันกับคนอื่น ทันสถานการณ์
การปลูกฝังให้หัวหน้างานมีหลักการในการปฏิบัติงานเชิงรุก ที่มีประสิทธิภาพย่อมส่งผลดีต่อการบริหารงาน และการวางแผนงานในเวลาเดียวกันได้ด้วย ดังนั้นการทำงานเชิงรุก ( Proactive Management ) ที่คนทำงานในองค์กรโดยเฉพาะระดับที่เป็นผู้นำคนอื่นตั้งแต่ระดับ หัวหน้างาน ผู้จัดการ และผู้บริหาร จึงมีความจำเป็นมากขึ้นเรื่อยๆไม่ว่าจะเป็นการคิด พูด และการลงมือปฏิบัติให้เกิดการทำงานเชิงรุกได้อย่างแท้จริง เพื่อป้องกันเหตุด่วนเหตุร้ายหรือปัญหาต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ตามคำพูดที่ว่า “ กันไว้ดีกว่าแก้ เพราะแย่แล้วมักจะแก้ไม่ทัน ” และการปรับปรุงพัฒนายกระดับกระบวนการหรือระบบการทำงานให้ดียิ่งๆขึ้นไปเพื่อเอาชนะคู่แข่งได้ อีกทั้งเป็นการสร้างความประทับใจแก่ลูกค้ากับกลุ่มผู้มีส่วนได้เสีย ( Stake Holders ) ตลอดไปอันจะนำไปสู่ความเจริญเติบโตขององค์กรแบบยั่งยืน
วัตถุประสงค์
-
เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้รับแนวคิดและความรู้ ความสำคัญของการทำงานเชิงรุก
-
เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้ฝึกทักษะด้านการทำงานเชิงรุกต่างๆที่จำเป็นสำหรับการทำงาน
3.เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนแนวคิด ประสบการณ์ระหว่างผู้เข้าอบรมด้วยกัน และรับฟังประสบการณ์ข้อแนะนำจากวิทยากร
-
เพื่อให้ผู้เข้าอบรมสามารถนำความรู้ แนวคิด ประสบการณ์ และ สิ่งที่ได้จากการฝึกปฏิบัตินำกลับไปใช้ในการทำงานได้จริง
เนื้อหาการอบรม
-
ความหมายของการทำงานเชิงรุก ( Proactive )
-
แนวคิดการทำงานเชิงรุก
-
ความคิดที่จำเป็นสำหรับการทำงานเชิงรุกคือ SWOT Analysis ปัจจัยภายนอกที่เราควบคุมไม่ได้ได้แก่ การเมือง เศรษฐกิจ ทั้งในและต่างประเทศ เทคโนโลยีสมัยใหม่ ฯลฯ กับปัจจัยภายใน (จุดแข็ง,จุดอ่อน,โอกาส , ภัยคุกคาม )
-
ความแตกต่างระหว่างการทำงานแบบคนทั่วไปที่ทำงานตามสั่งหรือสถานการณ์บีบบังคับแบบ Reactive กับ การทำงานเชิงรุกแบบ Proactive
-
การทำงานเชิงรุกตามหลัก 7 Habits
-
การใช้หลัก Encourage ผลักดันชีวิตการทำงาน และส่วนตัวให้สร้างฝันเป็นจริง
-
การพัฒนาและสร้างสมรรถนะของบุคลากรทั้งองค์กร ( Competency ) ให้สามารถรองรับสถานการณ์ปัจจุบันและอนาคตภายใน 5 ปี นี้
-
การสร้างบรรยากาศให้ทุกคนมีความสุขในการทำงานและได้ผลงานสูงสุด
-
การทำงานเชิงรุกภาคปฏิบัติ ฝึกปฏิบัติ ทำแบบฝึกหัดเพื่อสามารถนำกลับไปใช้งานได้จริง
-
การแก้ปัญหาแบบ Correction , Corrective Action และ Preventive Action
-
การปรับเปลี่ยน และการพัฒนาองค์กรด้วยการกระจายนโยบายจากระดับสูงสุดลงสู่การกระทำของบุคลากรทุกคนในระดับต่ำสุดขององค์กร เริ่มจาก Goal -> Objective -> Strategy Plan ->Action Plan -> Project/Activity ของหน่วยงานหรือตัวบุคคลโดยมี KPIs & Target กำกับ
-
การปรับปรุงกระบวนการและระบบการทำงานด้วยหลัก ECRS
-
การปรับปรุงระบบคุณภาพ
-
การเพิ่มผลผลิต ( Productivity up )
-
การลดต้นทุนที่พนักงานทุกคนทุกระดับมีส่วนร่วม
-
การทำ 5 ส ( พื้นฐานของการปรับปรุงพัฒนาองค์กรทุกประการ )
-
เทคนิคการวางแผนการทำงาน และการกำหนดเป้าหมายสำหรับการทำงานเชิงรุกอย่างมีประสิทธิภาพ
-
พัฒนาวิธีการทำงานด้วยเทคนิคการทำงานเชิงรุกแบบทีม
-
เครื่องมือ และปัจจัยที่สนับสนุนการทำงานเชิงรุก
-
ฝึกปฏิบัติ : การทำกิจกรรมเพื่อสร้างเสริมการทำงานเชิงรุก
ประโยชน์ที่ได้รับ
-
ผู้เข้าอบรมได้รับแนวคิดและความรู้ ความสำคัญของการทำงานเชิงรุก
-
ผู้เข้าอบรมได้ฝึกทักษะด้านการทำงานเชิงรุกต่างๆที่จำเป็นสำหรับการทำงาน
3.ผู้เข้าอบรมได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนแนวคิด ประสบการณ์ระหว่างผู้เข้าอบรมด้วยกัน และรับฟังประสบการณ์ข้อแนะนำจากวิทยากร
-
ผู้เข้าอบรมสามารถนำความรู้ แนวคิด ประสบการณ์ และ สิ่งที่ได้จากการฝึกปฏิบัตินำกลับไปใช้ในการทำงานได้จริง