confirm ยืนยันจัด Online Zoom หลักสูตร การสร้างแรงจูงใจในการทำงาน (The Power of Motivation) อบรม 19 ส.ค.65 09.00-12.00

confirm ยืนยันจัด Online Zoom หลักสูตร การสร้างแรงจูงใจในการทำงาน (The Power of Motivation) อบรม 19 ส.ค.65 09.00-12.00

 

ราคา  1500  บาท บรรยาย 09.00-12.00

โปรโมรชั่นสมัคร 3 ท่าน เเถม 1 ท่าน เข้าอบรม 4 ท่าน

ราคาหลักสูตรออนไลน์ รับใบประกาศ

 

หลักการและเหตุผล
เป้าหมายสูงสุดของการบริหารงานได้แก่ การจัดการให้ผู้ใต้บังคับบัญชาทำงานเพื่อบรรลุตามจุดมุ่งหมาย สูงสุดขององค์กร ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่และภารกิจที่สำคัญ ที่สุดของผู้บริหารที่จะต้องเรียนรู้ศาสตร์ในการ บริหารบุคคล ที่เน้นเรื่องการศึกษาพฤติกรรมบุคคล กลุ่มและองค์การ ตลอดจนปัจจัยต่างๆ ที่ส่งผลกระทบ ต่อพฤติกรรมในองค์การ เพื่ออธิบาย ทำนายและควบคุมปรากฏการณ์ของการบริหารที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะ อย่างยิ่ง ความรู้ความเข้าใจแนวคิดเรื่องแรงจูงใจของบุคคล จะช่วยให้ผู้บริหารรู้ถึงความต้องการและ แรงจูงใจของผู้ใต้บังคับบัญชาและพร้อมที่จะสร้างแรงจูงใจในการทำงานเพื่อให้ผู้ใต้บังคับบัญชาดังกล่าว ทำงานอย่างที่เรียกว่า “งานก็ได้ผล คนก็เป็นสุข” ที่ถือว่าเป็นองค์ประกอบสำคัญของความสำเร็จในการ บริหารงาน

 

 

วัตถุประสงค์
1. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมตระหนักและเข้าใจบทบาทหน้าที่ของตนเอง และเตรียมพร้อมที่จะเป็นพนักงานที่องค์กรต้องการ

  1. 2. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมเกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตนเองเกิดความรักความผูกพันองค์กร รู้สึกเป็นเจ้าขององค์กรร่วมกัน

  2. 3. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมทราบถึงความสำคัญ และความจำเป็นในการสร้างแรงจูงใจเพื่อการทำงานที่มีความสุขและประสบความสำเร็จ

  3. 4. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมสามารถสร้างแรงบันดาลใจและแรงจูงใจให้กับตนเองในการทำงานและการก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นใจและพร้อมที่จะปรับปรุงพัฒนาตนเองอยู่เสมอ

  4. 5. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมเรียนรู้ข้อเด่น ข้อด้อยของตนเอง และสามารถปรับเปลี่ยนทัศนคติและพฤติกรรมในการทำงาน,การใช้ชีวิต ให้มีประสิทธิภาพและมีความสุข

  5. 6. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมสามารถดึงศักยภาพของตนเองออกมาใช้ให้เต็มที่เต็มพลัง และสามารถปรับประยุกต์ใช้ในการทำงานได้อย่างสร้างสรรค์

 

รายละเอียดหลักสูตร

  1. ความหมายของแรงจูงใจ

    • องค์ประกอบที่สำคัญของแรงจูงใจ ในการทำงานของพนักงาน

    • ปัจจัยหรือองค์ประกอบที่ทำให้เกิดแรงจูงใจ

    • บทบาทและหน้าที่ความรับผิดชอบ ของพนักงาน

    • การจูงใจ หรือแรงจูงใจ คืออะไร

    • ทฤษฎีการจูงใจ Theories of Motivation

– ทฤษฎีการจูงใจ ของ Maslow

– ทฤษฎีสองปัจจัย ของ Herzberg

– ทฤษฎี X ทฤษฎี Y ของ Mcgragor

  • เทคนิคการสร้างแรงจูงใจให้ตนเองและผู้อื่น (D-R-I-V-E)

– D = Develop yourself & others การพัฒนาตนเองและผู้อื่น

– R = Relationship การสร้างสัมพันธภาพที่ดีในการทำงาน

– I  = Individual Motivation การสร้างแรงจูงใจของปัจเจกบุคคล

– V = Verbal Communication ความสามารถในการสื่อสาร

– E = Engagement ความผูกพันต่อองค์กร จิตสำนึกรักองค์กร

  1. การสร้างขวัญแรงจูงใจ และวินัย ในสถานประกอบการ

    • วินัย และคุณธรรมในการทำงาน

    • ทัศนคติสำหรับพนักงาน (Employee Attitude)

    • การสร้างทัศนคติที่ดี (Attitude) ในการทำงาน

  2. จิตสำนึกในการทำงาน (Work Awareness) และจงรักภักดีต่อองค์กร

Workshop: ระดมความคิดสร้าง องค์กรในฝัน

  1. หลักในการทำงานและดำเนินชีวิตให้ประสบผลสำเร็จและมีความสุข

    • ความสำเร็จในการงาน และชีวิต

    • องค์ประกอบของความสำเร็จในชีวิตการงาน

    • ความปรารถนาของนายจ้างจากลูกจ้าง

    • เคล็ดลับดีๆในการเปลี่ยนแปลงตัวเอง (รักษาโรคเบื่องาน)

    • วิธีทำงานอย่างมีความสุข

    • สร้างและมีมนุษย์สัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน

    • การสำรวจตัวเอง เพื่อดึงศักยภาพออกมาใช้ให้เต็มที่เต็มพลัง

      – เทคนิคการส่งเสริมให้ใช้จินตนาการตนเอง

      – การสร้างแรงจูงใจด้วยตัวคุณเอง

      – วิธีการสร้างแนวคิดใหม่

      – เทคนิคการสร้างแรงบันดาลใจในการทำงาน

      – เทคนิคการคิดและทำเพื่อพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง

      – สัญญาณอันตราย! และตัวชี้วัดความสำเร็จ

 

Workshop: กิจกรรมกลุ่มทำงานอย่างไรให้มีสุข

 

ประโยชน์ที่ผู้เข้าอบรมได้รับ
1. ผู้เข้าอบรมตระหนักและเข้าใจบทบาทหน้าที่ของตนเอง และเตรียมพร้อมที่จะเป็นพนักงานที่องค์กรต้องการ

  1. 2. ผู้เข้าอบรมเกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตนเองเกิดความรักความผูกพันองค์กร รู้สึกเป็นเจ้าขององค์กรร่วมกัน

  2. 3. ผู้เข้าอบรมทราบถึงความสำคัญ และความจำเป็นในการสร้างแรงจูงใจเพื่อการทำงานที่มีความสุขและประสบความสำเร็จ

  3. 4. ผู้เข้าอบรมสามารถสร้างแรงบันดาลใจและแรงจูงใจให้กับตนเองในการทำงานและการก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นใจและพร้อมที่จะปรับปรุงพัฒนาตนเองอยู่เสมอ

  4. 5. ผู้เข้าอบรมเรียนรู้ข้อเด่น ข้อด้อยของตนเอง และสามารถปรับเปลี่ยนทัศนคติและพฤติกรรมในการทำงาน,การใช้ชีวิต ให้มีประสิทธิภาพและมีความสุข

  5. 6. ผู้เข้าอบรมสามารถดึงศักยภาพของตนเองออกมาใช้ให้เต็มที่เต็มพลัง และสามารถปรับประยุกต์ใช้ในการทำงานได้อย่างสร้างสรรค์

 

 

แนวทางการการอบรม

  1. การอบรมมีทั้งการบรรยาย และทดลองปฏิบัติกรณีศึกษาเพื่อให้เห็นจริงในการทำ Coaching ทำให้การอบรม เป็นไปอย่างสนุกสนาน

  2. การฝึกอบรมเป็นรูปแบบการเรียนรู้แบบผู้ใหญ่(Adult Learning) ซึ่งเน้นให้เกิดความคิด การแลกเปลี่ยนประสบการณ์การเล็งเห็นประโยชน์ของเนื้อหาเพื่อให้เกิดความเข้าใจอย่างแท้จริง

คุณสมบัติผู้เข้ารับการอบรม

  • ผู้บริหาร หัวหน้างาน

  • พนักงานทุกระดับ

 

 

  • ประวัติ อาจารย์อนุภาพ  พันชำนาญ      

    การศึกษา

    • ปริญญาตรี วิศวอุตสาหกรรมศาสตร์บัณฑิต สาขาวิชาวิศวกรรมไฟฟ้า (อสบ.) มหาวิทยาลัยศรีปทุม

    • ปริญญาโท คณะบริหารธุรกิจ สาขาการจัดการการตลาด (MBA Marketing)

    มหาวิทยาลัยรามคำแหง

  • การทำงานในอดีตปัจจุบัน

    • อาจารย์สอนสมาธิ ที่สถาบันพลังจิตตานุภาพ

    • อดีตอาจารย์พิเศษที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (สอนวิชาเลือก : เรื่องไร้สาระ แต่กลับมีสาระอย่างคาดไม่ถึง:  วิชาจีบ วิชาเคล็ดลับจับโกหก ร่วมกับ อ.ธนิช)

    • เป็นวิทยากรให้กับ สมาคมส่งเสริมเทคโนโลยี (ไทย-ญี่ปุ่น) [สสท.]

    • ที่ปรึกษาบริษัทเทสส์ เทรนนิ่ง จำกัด สถาบันฝึกอบรม

 

บริษัท เทสส์ เทรนนิ่ง จำกัด (สำนักงานใหญ่)

เลขที่ 31/155 หมู่ที่ 1 ตำบลรังสิต อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี 12110
เลขประจำตัวผู้เสียภาษี: 0105557143661

ติดต่อสอบถาม

Tel : 098-8209929 คุณกุ้ง

E-mail: inwtraining.sale@gmail.com

Line id : @Tesstraining

Facebook : tesstrainingpage

http://www.tesstraining.com

 

ยืนยันจัด Online Zoom  หลักสูตร การสื่อสารและประสานงานอย่างชาญฉลาดด้วย DISC (Smart Communication and Coordination with DISC) 23 พ.ย.65

ยืนยันจัด Online Zoom  หลักสูตร การสื่อสารและประสานงานอย่างชาญฉลาดด้วย DISC (Smart Communication and Coordination with DISC) 23 พ.ย.65

 

ราคา  2,500  บาท บรรยาย 09.00-16.00

โปรโมรชั่นสมัคร 3 ท่าน เเถม 1 ท่าน เข้าอบรม 4 ท่าน

ราคาหลักสูตรออนไลน์ รับใบประกาศแบบออนไลน์

 

หลักสูตรนี้มีคำตอบ ที่นี่ที่เดียว
สนใจสมัครเพื่อรับองค์ความรู้ได้ที่ คุณกุ้ง 0988209929 คุณกุ้ง

หลักการและเหตุผล (Introduction)

การสื่อสารถือเป็นสิ่งสำคัญในยุคปัจจุบัน หากสื่อสารแล้วผู้อื่นเข้าใจหรือผู้รับสารยอมรับถือว่าประสบความสำเร็จแล้วในระดับหนึ่ง แต่มนุษย์มีความแตกต่างกันในทุกด้าน อาทิ การรับรู้ การเข้าใจ การตัดสินใจ ดังนั้นหากเราต้องการเรียนรู้ว่าคนแต่ละประเภทมีจุดเด่นและจุดด้อยอย่างไร เราจำเป็นต้องมีทักษะ และใช้วิธีการที่เหมาะสม เพื่อให้สามารถสื่อสารอย่างเป็นระบบและสามารถเข้าถึงวัตถุประสงค์ของการสื่อสาร

หลักสูตร การสื่อสารและประสานงานอย่างได้ผลด้วย DISC เป็นหลักสูตรที่เน้นเรียนรู้คนแต่ละประเภท เพื่อการปรับเปลี่ยน เพื่อสร้างวิธีการในการประสานงานให้ผลลัพธ์ของงานนั้นออกมาตามเป้าหมายของหน่วยงานและสอดคล้องกับเป้าหมายขององค์กร โดยการเรียนรู้ผ่านทฤษฎี D-I-S-C เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่ได้รับความนิยมในการนำมาประยุกต์กับการสื่อสารและการประสานงานภายในองค์กร

วัตถุประสงค์  (Objective )

  1. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมเรียนรู้พฤติกรรมของคนแต่ละประเภทตามหลัก D-I-S-C

  2. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมเรียนรู้ความจำเป็นของการสื่อสารและการประสานงาน

  3. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมวิเคราะห์จุดอ่อน จุดแข็งของตนเอง และฝึกฝนหลักการพูด หลักการฟัง หลักการตั้งคำถาม และนำไปพัฒนางานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

คุณสมบัติผู้เข้าอบรม (Target Participants)

  • พนักงาน

  • หัวหน้างาน

  • ผู้จัดการ

  • รูปแบบการการอบรม (Methodology)

  • การบรรยาย 40%

  • กิจกรรมกลุ่ม / ฝึกปฏิบัติ และการนำเสนอผลงานกลุ่ม 50%

  • กรณีศึกษา 10%

รายละเอียดการดำเนิน

  • 1 วัน ( 6 ชั่วโมง )

เนื้อหาการบรรยาย (Key Contents)

กิจกรรม สร้างประสบการณ์แรกพบ

  • คำถามทรงพลังเพื่อดึงศักยภาพ

  • เทคนิคการสร้างหลักการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ

การสื่อสารโดยใช้หลัก SMCRF + 5W

กิจกรรม สร้างประสบการณ์แรกพบ

  • คำถามทรงพลังเพื่อดึงศักยภาพ

  • เทคนิคการสร้างหลักการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ

การสื่อสารโดยใช้หลัก SMCRF + 5W

  • จิตวิทยาการสื่อสาร

  • ปัจจัยที่ส่งผลต่อการสื่อสาร

  • การเสริมสร้างทักษะและบุคลิกภาพที่ดีในการสื่อสาร

  • ส่วนผสมในการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ

Workshop  ฝึกการใช้ส่วนผสมของการสื่อสารให้มีประสิทธิภาพ

วิทยากรบรรยาย

Workshop

ประสานงานเพื่อผลสำเร็จของงาน

  • หลักการสร้างมนุษยสัมพันธ์ 360 องศา

  • เทคนิคการสร้างมนุษยสัมพันธ์ด้วย 6 STEP

  • การประสานงานโดยใช้หลัก 3 D

  • 5 เคล็ดลับเการประสานงานให้สำเร็จตามเป้าหมาย

  • ไขกุญแจการสร้างสุดยอด TEAMWORK

Workshop  สาเหตุและวิธีแก้ไขการสื่อสารที่ไม่มีประสิทธิภาพ

การวิเคราะห์พฤติกรรมตนเองและผู้อื่น

  • การวิเคราะห์ตนเองโดยใช้ 4 WINDOW

  • เรียนรู้พฤติกรรมมนุษย์ 4 TYPE

  • สร้าง Commitment เพื่อการทำงาน

  • ถาม-ตอบ

Workshop  วิเคราะห์ตนเองด้วยเครื่องมือ D I S C

 อาจารย์ กัณฑ์เอนก เอี่ยมปัญญาสกุล

บริษัท เทสส์ เทรนนิ่ง จำกัด (สำนักงานใหญ่)

เลขที่ 31/155 หมู่ที่ 1 ตำบลรังสิต อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี 12110
เลขประจำตัวผู้เสียภาษี: 0105557143661

ติดต่อสอบถาม

Tel : 098-8209929 คุณกุ้ง

E-mail: inwtraining.sale@gmail.com

Line id : @Tesstraining

Facebook : tesstrainingpage

http://www.tesstraining.com

Public Training หลักสูตร เทคนิคการปรับปรุงและลดข้อผิดพลาดในการทำงาน (อบรม 25 ก.พ.65)

หลักสูตร เทคนิคการปรับปรุงและลดข้อผิดพลาดในการทำงาน (อบรม 25 ก.พ.65)

เทคนิคการปรับปรุงและลดข้อผิดพลาดในการทำงาน

 “พบสารพัด เทคนิคในการลดข้อผิดพลาดในการทำงานที่ถูกใจนาย

โดนใจลูกค้า”

วิทยากร: ดร.ธธีร์ธร ธีรขวัญโรจน์

อดีต General Manager – บริหารสินค้า บริษัท ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด

อดีตผู้จัดการและบริหารการขายอุตสาหกรรมนมไทย(นมตรามะลิ)

และผ่านงานด้านการขายและการตลาดจาก Marriott Royal Garden Resorts Group

รวมประสบการณ์การทำงานด้านการขาย การตลาดและการบริการมากกว่า 25 ปี

 

25 กุมภาพันธ์ 2565

09.00 – 16.00 น.

** โรงแรมโกลด์ ออร์คิด กรุงเทพฯ (ถนนวิภาวดีฯ-สุทธิสาร)

*สถานที่จัดสัมมนาอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม

หลักการและเหตุผล

ในปัจจุบัน ทุกชีวิตอยู่ในภาวะความเร่งรีบ งานมากขึ้นภายในกรอบของวันเวลาทำงานที่เท่าเดิม ทุกธุรกิจทุกองค์กรต่างมุ่งหวังให้พนักงานแต่ละคนทำงานได้มากขึ้น ดังนั้น การทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและสมบูรณ์แบบและปราศจากข้อผิดพลาดในการทำงาน บนพื้นฐานของความคิดที่เฉียบคม หยั่งลึกถึงแก่นของเนื้องาน (กึ๋น) ย่อมมีผลต่อความสำเร็จของงาน รวมถึงความประทับใจของลูกค้าและตรงตามความคาดหวังของผู้บริหารอย่างแน่นอน

หลักสูตรนี้จึงได้พัฒนาขึ้นมาเพื่อให้พนักงานทุกฝ่ายงาน ได้เรียนรู้เทคนิคการลดความผิดพลาดในการทำงานรวมทั้งการพัฒนาตนเองให้ทำงานได้อย่างถูกใจนาย และ โดนใจลูกค้า จนสามารถพัฒนาจุดอ่อนและเสริมสร้างจุดแข็งของตน รวมทั้งเคล็ดลับอื่นๆ ที่จะทำให้ผู้อบรมได้เข้าใจและสามารถประยุกต์ใช้ได้ด้วยตนเองเมื่อปฏิบัติงานจริง

 

วัตถุประสงค์

1.เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจเรื่องเทคนิคการลดข้อผิดพลาดและการพัฒนาประสิทธิภาพการทำงานให้ถูกใจนาย และ โดนใจลูกค้า

2.เพื่อให้ผู้เข้าอบรมสามารถนำความรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้เรื่องการลดข้อผิดพลาดและพัฒนาประสิทธิภาพการทำงาน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว

 

หัวข้อการฝึกอบรม/สัมมนา

Module 1: Concepts

1.หลักการ- แนวคิดเรื่องการลดข้อผิดพลาดในการทำงาน (คิด และ ทำ)

2.สูตร 3 A แห่งความสำเร็จในการทำงานเพื่อลดข้อผิดพลาดในการทำงาน

3.เสริมทักษะการคิด เพื่อสร้างความสำเร็จในการทำงานและลดข้อผิดพลาด

– คิดบวก

– คิดภาพใหญ่ และ รายละเอียด

– คิดเชิงวิเคราะห์

– คิดสร้างสรรค์

– คิดต่อยอด

4.กระตุกวิญญาณแห่งการทำงาน ด้วยหลัก คิด

– คิดก่อนทำ

– คิดทางเลือก

– คิดทางออก

– คิดแก้ไข

– คิดพัฒนา

5.Success with Common Sense

– ความหมายของ Sense ในการทำงาน

– เทคนิคแยบยลในการใช้ Sense

– แนวทางการพัฒนา Sense

Module 2: Applications

6.พร้อมสรรพ ด้วยสารพัดเคล็ดลับ ในการลดข้อผิดพลาดและพัฒนาการทำงานที่ดี ไร้ที่ติ และถูกใจหัวหน้า

7.เทคนิคการส่งมอบงานสมบูรณ์แบบ……และมีกึ๋น ถูกใจลูกค้าและหัวหน้าอย่างแรง

8.กรณีศึกษา: เรียนรู้ความผิดพลาดอย่างเป็นบทเรียน

9.ลักษณะคนทำงานอย่างสมบูรณ์แบบ

10.กิจกรรมการลดข้อผิดพลาดในการทำงานของตนเอง

11.แชร์ประสบการณ์: ทำงานอย่างไรไม่ให้ผิดพลาด

12.สรุป คำถามและคำตอบ

 

ประกาศนียบัตร: บริษัท ไฮโพ เทรนนิ่ง แอนด์ คอนเซ้าท์แทนซี่ จำกัด

ราคาค่าอบรม (ต่อ 1 ท่าน)

ค่าอบรมสัมมนา

ท่านละ 3,500 บาท

สมัครอบรม 5 ท่านขึ้นไปท่านละ 2900 เข้าอบรมได้ 6 ท่าน

 

ราคาดังกล่าว ฟรี
1) เอกสารประกอบการสัมมนา (เข้าเล่ม)
2) ใบประกาศผ่านการอบรม
3) อาหารเบรก 2 มื้อ อาหารกลางวันโรงแรม รับกระเป๋าผ้าสมุดปากกา หน้างาน

ติดต่อสอบถาม

Tel : 098-8209929 คุณกุ้ง

E-mail: inwtraining.sale@gmail.com

Line id : @Tesstraining

Facebook : tesstrainingpage

ทาง บริษัท เทสส์ เทรนนิ่ง จำกัด เป็นบริษัทฝึกอบรมสัมมนาครบวงจร

www.tesstraining.com

www.inwtraining.com

Online Zoom เปิดรับสมัคร อบรม การประเมินผลการปฏิบัติงานยุคใหม่ ด้วย KPI และ Competency รุ่นที่ 21 (Performance Appraisal : PMS Module 2) : 21 กุมภาพันธ์ 2565

Online Zoom เปิดรับสมัคร อบรม การประเมินผลการปฏิบัติงานยุคใหม่ ด้วย KPI และ Competency รุ่นที่ 21 (Performance Appraisal : PMS Module 2) : 21 กุมภาพันธ์ 2565

 

 

การประเมินผลยุคปัจจุบันเน้นเรื่อง Performance / Results และ Competency แต่ก็ยังประสบกับปัญหาเหล่านี้ ?

  • บุคลากรยังไม่มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับระบบบริหารผลการปฏิบัติงาน  (Performance Management System)

  • เลือกไม่ถูกว่าจะประเมินผลด้วย OKR หรือ KPI ดี ???

  • ไม่สามารถแยกความแตกต่างระหว่าง Key Performance Indicators และ Performance Indicators ได้

  • ในการกำหนดหัวข้อประเมินผลไม่สามารถกำหนดได้ว่า อะไรคือ KPI (Key Performance Indicators) อะไรคือ PI (Performance Indicators) ?

  • แยกไม่ออกระหว่าง Performance กับ Competency

  • จะประเมิน Competency ก็มีแต่พฤติกรรมที่จับต้องได้ยาก จะมีการประเมิน Competency ที่ชัดเจนได้อย่างไร ?

  • ประเมินผลว่ายากแล้วแต่ Performance Feedback ยิ่งยากกว่า จะ Feedback อย่างไรให้เป็นธรรมและได้รับการยอมรับจากลูกน้อง ?

  • ประเมินผลแล้ว ไม่รู้จะนำผลการประเมินไปใช้เชื่อมโยงกับการพัฒนาบุลากรได้อย่างไร ?

หากองค์กรของท่านกำลังประสบกับปัญหาดังกล่าวข้างต้น จนก่อให้เกิดอาการอื่นๆ ของปัญหาการจัดการตามมา อาทิเช่น  การประเมินผลไม่เป็นธรรม พนักงานไม่ยอมรับผลการประเมิน หัวหน้ารู้สึกอัดอัดเวลาแจ้งผลงานลูกน้อง ขวัญกำลังใจพนักงานตกต่ำ พนักงานกลุ่ม Talent ทยอยลาออก ฯลฯ

หลักสูตรที่เจ้าของกิจการ ผู้บริหาร ผู้จัดการ และฝ่ายทรัพยากรบุคคลไม่ควรพลาด ท่านจะได้เรียนเทคนิค ขั้นตอนการประเมินผลการปฏิบัติงานยุคใหม่แบบครบวงจร ที่ได้รับการออกแบบและพัฒนาขึ้นจากประสบการณ์ตรงของวิทยากรในการเรียนรู้ที่ “กระชับ เข้าใจง่าย และนำไปใช้ปฏิบัติได้จริง”

 

วัตถุประสงค์ของการเรียนรู้ : เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรม

  1. สามารถอธิบายแนวคิด หลักการ กระบวนการบริหารผลการปฏิบัติงานสมัยใหม่ (Modern Performance Management Process) และ KPIs ได้

  2. สามารถแยกความเหมือนและความแตกต่างระหว่าง KPIs กับ OKRs ได้

  3. สามารถกำหนด Key Performance Indicators (KPIs) ในการประเมินผลการปฏิบัติงานให้สอดคล้องกับเป้าหมายองค์กร และงานที่รับผิดชอบ

  4. สามารถอธิบายและแยกแยะความแตกต่างระหว่าง Key Performance Indicators, Performance Indicators และ Competency  ได้อย่างชัดเจน

  5. สามารถกำหนดหลักเกณฑ์การประเมินผลการปฏิบัติงานประจำปีสมัยใหม่ ด้วย KPI และ Competency ได้อย่างชัดเจนและเป็นรูปธรรม

  6. เสริมสร้างเทคนิคการให้ Performance Feedback อย่างมีประสิทธิภาพ

  7. สามารถนำผลการประเมินไปใช้ในการบริหารผลงานได้อย่างเป็นระบบ 

 

หัวข้อสำคัญที่ท่านจะได้เรียนรู้ : 

 

ส่วนที่  1  :  ปฐมบทเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับการประเมินผลการปฏิบัติงานสมัยใหม่ (Introduction to Modern Performance Appraisal)

  • ความเชื่อมโยงของการประเมินผลการปฏิบัติงานกับระระบบบริหารผลการปฏิบัติงาน (Performance Management System : PMS)

  • 6 ขั้นตอนสำคัญของระบบบริหารผลการปฏิบัติงานเชิงกลยุทธ์ (Strategic Performance Management Process)

  • Key Performance Indicators และ Competency เครื่องมือและเกณฑ์ในการประเมินผลยุคใหม่

  • แนวทางการกำหนดปัจจัยและค่าน้ำหนักความสำคัญในการประเมินผลการปฏิบัติงานประจำปียุคใหม่  

ส่วนที่  2  :  ความเหมือนที่แตกต่าง และความแตกต่างที่เหมือนกัน ของ KPIs (Key Performance Indicators) กับ OKRs (Objective and Key Results)

  • ความเหมือนที่แตกต่างของ KPIs กับ OKRs

  • ความแตกต่างที่เหมือนกันของ KPIs กับ OKRs

  • ถ้า OKRs ไม่นิยมใช้ประเมินผล แล้วองค์กรที่ใช้ OKRs ใช้เครื่องมือใดในการประเมินผล ???

ส่วนที่  3  :  เทคนิคการกำหนด KPIs ในการประเมินผลการปฏิบัติงานให้เชื่อมโยงสอดคล้องกับ Vision และ Objective (KPIs for Performance Appraisal)

  • ประเภทของ KPI

  • การกำหนด Corporate KPIs ด้วย Balance Scorecard (BSC)  เพื่อวัดผลการดำเนินงานทางธุรกิจขององค์กร

  • แนวทางการกำหนดตัวชี้วัดและเป้าหมายขององค์กร (Corporate KPIs)

  • แนวทางการกำหนดตัวชี้วัดผลงานของแต่ละฝ่ายงาน (Functional KPIs) ให้เชื่อมโยงกับนโยบาย (Policy) วัตถุประสงค์ (Objective) และเป้าหมายองค์กร (Corporate KPIs)

  • Workshop 1 : ฝึกปฏิบัติกำหนด Functional KPIs ของฝ่ายงาน ให้เชื่อมโยงกับ Objective และเป้าหมายองค์กร (Corporate KPIs)

  • แนวทางการกำหนดตัวชี้วัดและเป้าหมายของตำแหน่งงาน (Position KPIs / Individual KPIs)

  • ความแตกต่างระหว่าง Key Performance Indicators กับ Performance Indicators

  • แนวทางการออกแบบและเชื่อมโยง KPIs สู่การประเมินผลงาน

  • Workshop 2 : ฝึกปฏิบัติออกแบบประเมินผลการปฏิบัติงานด้วย KPI ของแต่ละตำแหน่งงาน 

ส่วนที่  4  :  วิธีการกำหนดและเชื่อมโยง Competency สู่การประเมินผลการปฏิบัติงาน (Competency for Performance Appraisal)

  • ประเภทของ Competency และเครื่องมือในการกำหนด Competency

  • ความแตกต่างระหว่าง Key Performance Indicators กับ และ Competency

  • แนวทางการกำหนด Competency ในการประเมินขีดความสามารถจาก Job Description Version 4

  • แนวทางการแปลง Competency จาก Training Road Map สู่การประเมินความสามารถประจำปีที่สอดคล้องกับกลยุทธ์องค์กร

  • ตัวอย่างการแปลง Competency จาก Training Road Map สู่การประเมินความสามารถที่สอดคล้องกับกลยุทธ์องค์กร 

ส่วนที่  5  :  แนวทางในการประเมินผลงานอย่างเป็นธรรมและได้รับการยอมรับ

  • แนวทางการประเมินผลงานอย่างเป็นธรรมและได้รับการยอมรับ

  • กระบวนการในการประเมิน และ Feedback ผลการปฏิบัติงานลูกน้องอย่างมีประสิทธิภาพ

ส่วนที่  6  :  แนวทางการแจ้งผลการปฏิบัติงาน (Positive Feedback) ให้ได้ทั้งใจและได้ทั้งงานจากลูกน้อง

  • เทคนิคการแจ้งผลงาน (Positive Feedback) แบบได้ทั้งใจ และได้ทั้งผลงานจากลูกน้อง 

ส่วนที่  7  :  การนำผลการประเมินไปปรับใช้งานเชื่อมโยงกับ Human Resources System

  • แนวทางการเชื่อมโยงผลการปฏิบัติงานกับแผนพัฒนารายบุคคล (Performance Appraisal linked to Individual Development Plan : IDP)

  • แนวทางการเชื่อมโยงผลการประเมินกับ Training Road Map และ Career Path

  • แนวทางการเชื่อมโยงผลการประเมินกับ Succession Plan ด้วย Competency และ KPI

  • แนวทางการเชื่อมโยงผลการประเมินกับการปรับค่าจ้างประจำปียุคใหม่ แบบอิงเกรด ไม่อิง Bell Curve  

รูปแบบและวิธีการเรียนรู้ :

  • การบรรยาย ผ่าน Zoom แบบ Adult Learning

  • ประกอบการแชร์ประสบการณ์ตรง

  • การทำ Workshop ในการปฏิบัติจริง

  • การระดมความคิด นำเสนอผลงาน

  • การถามตอบ

 

หลักสูตรนี้เหมาะสำหรับ :

เจ้าของกิจการ ผู้บริหาร ผู้จัดการ หัวหน้าแผนก ฝ่ายทรัพยากรบุคคล และผู้สนใจทั่วไป

 

 

วิทยากร (Trainer)  :  อาจารย์ ธนุเดช ธานี (อ.ต้น)

  • กรรมการผู้จัดการสถาบันฝึกอบรม People Develop Center  

  • วิทยากรและที่ปรึกษาผู้ชำนาญการพิเศษด้าน HR จากประสบการณ์ 31 ปี

  • วิทยากรพิเศษด้าน HRD ของ SGS ACADEMY

  • วิทยากรพิเศษด้าน HRD คณะพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA)

  • อดีตกรรมการสมาคมการจัดการงานบุคคลแห่งประเทศไทย (PMAT) 2 สมัย

วันและเวลาอบรม (DATE AND TIME) :

รุ่นที่  21  วันที่  21  กุมภาพันธ์ 2565  ระหว่างเวลา 09.00-16.00 น.

สถานที่อบรม (VENUE) : 

ค่าลงทะเบียนอบรม 

2,500 บาท/ท่าน (ไม่รวม Vat)

พิเศษลงทะเบียน 4 ท่าน ชำระเพียง 3 ท่าน

(ค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรม สามารถลดหย่อนภาษีได้ 200% ตามประกาศ พ.ร.บ.ส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน)

ติดต่อสอบถาม

Tel : 098-8209929 คุณกุ้ง

E-mail: inwtraining.sale@gmail.com

Line id : @Tesstraining

Facebook : tesstrainingpage

ทาง บริษัท เทสส์ เทรนนิ่ง จำกัด เป็นบริษัทฝึกอบรมสัมมนาครบวงจร

www.tesstraining.com

www.inwtraining.com

หลักสูตร การสื่อสารและการทำงานแบบ Work From Home อย่างมีประสิทธิภาพ โดย ดร วันทนา ปทุมอนันต์ ผู้เชี่ยวชาญด้าน: จิตวิทยาการพัฒนาศักยภาพมนุษย์และองค์กร Executive Coach Leadership and Psychological Human Potential Development  อบรม 28 มี.ค.65

หลักสูตร การสื่อสารและการทำงานแบบ Work From Home อย่างมีประสิทธิภาพ โดย ดร วันทนา ปทุมอนันต์ ผู้เชี่ยวชาญด้าน: จิตวิทยาการพัฒนาศักยภาพมนุษย์และองค์กร Executive Coach Leadership and Psychological Human Potential Development  อบรม 28 มี.ค.65

ชื่อหลักสูตร : การสื่อสารและการทำงานแบบWORK FROM HOME อย่างมีประสิทธิภาพ

(COMMUNICATIONS FOR EFFECTIVE WORK FROM HOME)

(1 วัน)

โดย ดร.วันทนา ปทุมอนันต์, PCC 

ผู้เชี่ยวชาญด้าน: จิตวิทยาการพัฒนาศักยภาพมนุษย์และองค์กร

EXECUTIVE COACH LEADERSHIP AND PSYCHOLOGICAL HUMAN POTENTIAL DEVELOPMENT

 

หลักการและแนวคิด

       การสื่อสารเป็นองค์ประกอบที่สำคัญทั้งในชีวิตประจำวันและในการทำงาน เช่น ระหว่างหัวหน้ากับลูกน้อง การติดต่อประสานงานทั้งในหรือต่างแผนกการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพคือการที่ผู้ฟังแปลความ และเข้าใจตรงกับผู้พูด เมื่อเข้าใจตรงกันเกิดเป็นการประสานงานที่ราบรื่น เป็นความสัมพันธ์ที่ดีเกิดขึ้นในองค์กรส่งผลให้งานสำเร็จตามเป้าหมาย

       ในการปฏิบัติงาน แบบ WORK FROM HOME (WFH) ให้เกิดประสิทธิผลสูงสุด อาจจำเป็นต้องเพิ่มทักษะและความรู้ด้านการสื่อสาร(COMMUNICATION) หลักคิดในการเลือกใช้สื่อให้เหมาะสม  จิตวิทยาความเข้าใจในความแตกต่างของแต่ละบุคคล และการบริหารจัดการตนเอง ( SELF – MANAGEMENT)  เพื่อให้การปฏิบัติงานสำเร็จลุล่วงบรรลุเป้าหมายตามที่องค์กรคาดหวังไว้และในการสื่อสารประสานงานสามารถทำได้อย่างสอดคล้องเหมาะสม เกิดเป็นความร่วมมือร่วมใจส่งผลให้งานมีประสิทธิภาพสูงขึ้น

 

       หลักสูตรนี้พัฒนาขึ้นเพื่อให้ผู้เข้าอบรมมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการสื่อสารที่ดี( EFFECTIVE -COMMUNICATION) การเสริมสร้างทักษะในการฟังให้ดียิ่งขึ้น( DEEP LISTENING)  การเรียนรู้เข้าใจถึงกระบวนการทำงานของสมอง ( BRAIN) ในการใช้ปัญหาเป็นฐาน ( PROBLEM-BASED LEARNING)  การเพิ่มความมั่นใจในการเลือกใช้เครื่องมือให้เหมาะสมกับบุคคล เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ของการสื่อสาร และเพื่อเสริมสร้างทักษะในการบริหารจัดการตนเอง( SELF – MANAGEMENT) ผ่านหลักการแนวคิดจิตวิทยา และศาสตร์ของการโค้ช ( COACHING) ตนเองในการนำพาตนเองไปสู่เป้าหมาย ( SELF – COACHING)  เพื่อให้เกิดการเข้าใจ- ยอมรับ- เกิดแนวคิดที่เหมาะสมกับตนเองในการเปลี่ยนแปลง มีกรอบความคิดเชิงบวก (MINDSET) ตามสไตล์ (STYLE)ของตนเอง เกิดความตระหนักรู้ถึงตนเองกับงานได้มากขึ้นเพื่อพัฒนาการทำงานแบบ WORK FROM HOME ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

 

วัตถุประสงค์

   เพื่อให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมมีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการสื่อสารที่ดี

   เพื่อเสริมสร้างทักษะในการฟังให้ดียิ่งขึ้น

   เพื่อเสริมสร้างความสามารถในเลือกใช้เครื่องมือให้เหมาะสมกับวัตถุประสงค์ของการสื่อสาร

   เพื่อเสริมสร้างทักษะในการบริหารจัดการตนเองในการปฏิบัติงานแบบ WORK FROM HOME

   เพื่อให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมนำความรู้ไปปรับใช้ในการปฏิบัติงานและการประสานงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

ผลที่คาดว่าจะได้รับ

   บุคลากรตระหนักรู้ ถึงความสำคัญจำเป็นของการสื่อสารประสิทธิภาพ

   บุคลากรได้ข้อมูลความรู้และฝึกปฏิบัติทักษะในการฟัง การให้ข้อมูลย้อนกลับได้ดียิ่งขึ้น

   บุคลากรได้เรียนรู้และเข้าใจทักษะในการประสานงานกับคนที่มีบุคลิกแตกต่างกันได้ดีมากยิ่งขึ้น

   บุคลากรสามารถบริหารจัดการกับตนเองในการปฏิบัติงาน แบบ WORK FROM HOME (WFH) ให้เกิดประสิทธิภาพสูงขึ้น

หลักสูตรนี้เหมาสมกับ

พนักงาน หัวหน้างาน    ผู้จัดการ     ผู้บริหาร

                                                                                                           ……………………………………………

อบรมแบบ ONLINE ผ่าน ZOOM

เวลาอบรม 9.00-16.00 ได้รับใบประกาศนียบัตร

ราคาท่านละ 2,500 บาท/วัน (ไม่รวม VAT)

ลงทะเบียน 4 ท่าน ขึ้นไปท่านละ 1,900 บาท

อบรมแบบพบอาจารย์ จัดอบรมที่ NOVOTEL สุุขุมวิท20

ราคาท่านละ 3,900 บาท/วัน (ไม่รวม VAT) 

ราคาสุดพิเศษอย่างยิ่ง

ลงทะเบียน 3 ท่าน ท่านละ 3,000 บาท

ลงทะเบียน 4 ท่าน ขึ้นไปท่านละ 2,900 บาท

อบรมแบบพบอาจารย์ ฟรี

1) เอกสารประกอบการสัมมนา (เข้าเล่ม)

2) ใบประกาศผ่านการอบรม

3) อาหารเบรก 2 มื้อ อาหารกลางวันบุฟเฟ่ต์โรงแรม รับกระเป๋าผ้าสมุดปากกา หน้างาน 

ติดต่อสอบถาม

Tel : 098-8209929 คุณกุ้ง

E-mail: inwtraining.sale@gmail.com

Line id : @Tesstraining

Facebook : tesstrainingpage

ทาง บริษัท เทสส์ เทรนนิ่ง จำกัด เป็นบริษัทฝึกอบรมสัมมนาครบวงจร

www.tesstraining.com

www.inwtraining.com

 

 

Online Zoom เปิดรับสมัคร ยืนยัน หลักสูตร กลยุทธ์การบริหารต้นทุน ( Strategic Cost Management) อบรม 28 ก.พ.65

Online Zoom เปิดรับสมัคร ยืนยัน หลักสูตร กลยุทธ์การบริหารต้นทุน ( Strategic Cost Management) อบรม 28 ก.พ.65

 

อัตราค่าลงทะเบียนอบรม 

2,000 บาท/ท่าน (ไม่รวม Vat)  (09.00-16.00)

พิเศษลงทะเบียน 4 ท่าน ชำระเพียง 3 ท่าน

 

 

สามารถเรียนได้ทางคอมเเละมือถือ อยู่ที่ไหน ก้อสามารถเรียนได้ ผ่านระบบโปรเเกรม ZOOM

หลักสูตรนี้มีคำตอบ ที่นี่ที่เดียว
สนใจสมัครเพื่อรับองค์ความรู้ได้ที่ คุณกุ้ง 0988209929 คุณกุ้ง

 

หลักการและเหตุผล (Introduction)

          ในการประกอบธุรกิจใดๆไม่ว่าจะเป็นการผลิตสินค้าเพื่อจัดจำหน่าย,การดำเนินธุรกิจให้บริการ ในยุคที่มีการแข่งขันกันสูง หากมีการบริหารต้นทุนที่ต่ำหรืออย่างเมาะสมก็สามารถสร้างผลกำไรได้เป็นอย่างดี หากมีการบริหารต้นทุนที่ผิดพลาดก็อาจมีความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจที่ประสบปัญหาการขาดทุน ฉะนั้นผู้บริหารหรือผู้นำจำเป็นต้องทราบถึงโครงสร้างของต้นทุน การจัดลำดับของโครงสร้างของต้นทุน เพื่อเป็นแนวทางในการกำหนดกลยุทธ์การบริหารต้นทุน (Strategic Cost Management)  รวมถึงการบริหารงาน การกำหนดราคา รวมถึงการวิเคราะห์ต้นทุนต่างๆเพื่อใช้เป็นแนวทางในการลดต้นทุนการผลิตหรือบริการเพื่อส่งผลต่อการดำเนินงานขององค์กรได้อย่างยั่งยืน

 

วัตถุประสงค์ (Objective)

1.เพื่อให้ผู้เข้าอบรมมีความเข้าใจเกี่ยวกับโครงสร้างต้นทุนในการบริหารงาน

2.เพื่อให้ผู้เข้าอบรมทราบถึงเทคนิคการวิเคราะห์ต้นทุนได้อย่างถูกต้อง

 

คุณสมบัติผู้เข้าอบรม (Target Participants)

  • กลุ่มผู้นำทุกระดับ หรือผู้ที่สนใจ

 

 

ผลที่คาดว่าจะได้รับ (Expected of the result)

  • สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการกำหนดกลยุทธ์การบริหารต้นทุนได้อย่างเหมาะสม เพื่อสร้างความได้เปรียบในการการแข่งขัน

 

เนื้อหาการบรรยาย (Key Contents)

  • แนวคิดการบริหารเชิงกลยุทธ์

  1. กลยุทธ์ระดับองค์กร

  2. กลยุทธ์ระดับธุรกิจ

  3. กลยุทธ์ระดับหน่วยงาน

  • เครื่องมือธุรกิจ (Business Model Canvas)

  1. กลุ่มลูกค้าคุณเป็นใคร (Customer Segments)

  2. คุณจะขายอะไร (Value Proposition)

  3. ถนนที่ใช้เดินไปหาลูกค้า (Channels)

  4. ท่านใช้วิธีไหนสร้างความสัมพันธ์กลับกลุ่มคู่ค้า (Customer Relationships)

  5. รายได้ของคุณมาจากไหน (Revenue Streams)

  6. หุ้นส่วนธุรกิจของคุณเป็นใคร (Key Partners)

  7. กิจกรรมธุรกิจของคุณคืออะไร (Key Activities)

  8. การบริหารจัดการทรัพยากร (Key Resources)

  9. ต้นทุนเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจ (Cost Structure)

  • โครงสร้างของต้นทุน (Cost Structure)

  1. ต้นทุนทางตรง

  2. ต้นทุนทางอ้อม

  • การคำนวณจุดคุ้มทุน และการวิเคราะห์ผลต่าง

  1. รายได้

  2. รายจ่าย

  3. จุดคุ้มทุน

  • การกำหนดกลยุทธ์การบริหารต้นทุน

  1. เปรียบเทียบระหว่างราคา และคุณภาพ

  • การใช้เครื่องมือการบริหารต้นทุน และการประเมินผล (Value Chain, Target, Balance Scorecard)

  1. การประเมินผลผ่าน ห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain

  2. การประเมินผลผ่าน การตั้งเป้าหมาย (Goal Setting)

  3. การประเมินผลผ่าน BSC (Balance scorecard)

  • มุมมองด้านการเงิน

  • มุมมองด้านกระบวนการทำงานภายในองค์กร

  • มุมมองด้านลูกค้า

  • มุมมองด้านการเรียนรู้และการเติบโตขององค์กร

 

ระยะเวลาการฝึกอบรม (Time)

  • 00-16.00 น.

รูปแบบการการอบรม (Methodology)

  • การเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมผ่านกิจกรรม การนำเสนอ พร้อมให้ผู้เข้าอบรมสรุปการเรียนรู้ด้วยตนเอง

ติดต่อสอบถาม

Tel : 098-8209929 คุณกุ้ง

E-mail: inwtraining.sale@gmail.com

Line id : @Tesstraining

Facebook : tesstrainingpage

ทาง บริษัท เทสส์ เทรนนิ่ง จำกัด เป็นบริษัทฝึกอบรมสัมมนาครบวงจร

www.tesstraining.com

www.inwtraining.com

Online Zoom เปิดรับสมัคร ยืนยัน หลักสูตร แนวทางการบังคับใช้ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล 2562 ตามมาตรฐาน ISO 27001 Information Security Management System (ISMS) อบรม 24 ก.พ.65

Online Zoom เปิดรับสมัคร ยืนยัน หลักสูตร แนวทางการบังคับใช้ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล 2562 ตามมาตรฐาน ISO 27001 Information Security Management System (ISMS) อบรม 24 ก.พ.65

ราคาโปรโมรชั่น 1500  บาท บรรยาย 13.00-16.00

  • สมัครเข้าอบรม 4 ท่าน ชำระเพียง 3 ท่าน

 

 

 

หลักการและเหตุผล (Introduction)

     เนื่องด้วยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา  ได้ประกาศหลักเกณฑ์และวิธีการที่ดีในการผลิตเครื่องมือแพทย์ (THAI GMP) ตั้งแต่ พ.ศ. 2548 โดยให้การผลิตเครื่องมือสอดคล้องกับมาตรฐานระหว่างประเทศ ISO 13485:2016 เพี่อให้องค์กรที่เครื่องมือแพทย์ได้นำแนวทางการปฏิบัติตามข้อกำหนดให้สอดคล้องกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา  ไม่ว่าจะเป็น จุดประสงค์ เป้าหมาย และโครงสร้างหลักสูตรระบบการจัดการคุณภาพ (Quality Management System)ความรับผิดชอบของผู้บริหาร (Management Responsibility)การบริหารทรัพยากร (Resource Management)กระบวนการสร้างผลิตภัณฑ์ (Product realization)การตรวจวัด การวิเคราะห์ และการปรับปรุงกระบวนการ(Measurement, Analysis and Improvement) เพื่อให้สามารถนำไปสู่การแข่งขันในระดับประเทศ และระดับโลกได้

 

 

 วัตถุประสงค์  (Objective)

  1. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมเข้าใจหลักเกณฑ์และวิธีการที่ดีในการผลิตตามประกาศสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา

  2. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมนำความรู้ไปปฏิบัติตามข้อกำหนดของ ISO 13485:2016 Requirement (GMP For Medical Devices)

 

 

คุณสมบัติผู้เข้าอบรม (Target Participants)

  • พนักงาน หัวหน้างาน คณะทำงานของของ ISO 13485:2016 Requirement (GMP For Medical Devices)

 

 

เนื้อหาการบรรยาย (Key Contents)

  1. ภาพรวมของอุตสาหกรรมการแพทย์และเครื่องมือทางการแพทย์และความสำคัญต่อเศรษฐกิจในยุคดิจิตอล

  2. จุดประสงค์ เป้าหมาย และโครงสร้างหลักสูตร

  3. ระบบการจัดการคุณภาพ (Quality Management System)

  4. ความรับผิดชอบของผู้บริหาร (Management Responsibility)

  5. การบริหารทรัพยากร (Resource Management)

  6. กระบวนการสร้างผลิตภัณฑ์ (Product realization)

  7. การตรวจวัด การวิเคราะห์ และการปรับปรุงกระบวนการ(Measurement, Analysis and Improvement)

  8. Workshop ถาม-ตอบ

  9. สรุปการเรียนรู้

 

ระยะเวลาการฝึกอบรม (Time)

  • 00– 16.00 น.

 

รูปแบบการการอบรม (Methodology)

  • การบรรยาย การสาธิต  กิจกรรมการเรียนรู้  และ การอภิปรายกลุ่ม

  • มี Pre-Test และ Post-Test

  • (สามารถฝึกอบรมได้ทั้ง Online และ In-House Training)

อาจารย์พลกฤต  โสลาพากุล

วิทยากร โค้ช และที่ปรึกษาธุรกิจ

 

อบรมแบบ ONLINE ผ่าน ZOOM

เวลาอบรม 13.00-16.00 ได้รับใบประกาศนียบัตร

ติดต่อสอบถาม

Tel : 098-8209929 คุณกุ้ง

E-mail: inwtraining.sale@gmail.com

Line id : @Tesstraining

Facebook : tesstrainingpage

ทาง บริษัท เทสส์ เทรนนิ่ง จำกัด เป็นบริษัทฝึกอบรมสัมมนาครบวงจร

www.tesstraining.com

www.inwtraining.com

Online Zoom เปิดรับสมัคร หลักสูตร ความคิดเชิงนวัตกรรม (Innovative Thinking) อบรม 7 ก.พ.65

Online Zoom เปิดรับสมัคร หลักสูตร ความคิดเชิงนวัตกรรม (Innovative Thinking) อบรม 7 ก.พ.65

อ.อนุภาพ พันชำนาญ

 

 

สามารถจัดได้ 2 รูปเเบบ Online Zoom/ONSITE

ราคาที่ 1 รูปเเบบ ออนไลน์ ผ่านโปรเเกรม zoom (09.00-12.00)

ราคาโปรโมชั่น ท่านละ 1,500 บาท/วัน (ไม่รวม VAT)

  • สมัครเข้าอบรม 3 ท่าน  ท่านละ 1,300 บาท /คน เข้าอบรมได้ 4 ท่าน

1) ใบประกาศผ่านการอบรม

2) ไฟล์ PDF การสอน

 

หลักการและเหตุผล

         นวัตกรรม (Innovation)  คือ การใช้ความคิดสร้างสรรค์เพื่อพัฒนาหรือประดิษฐ์สิ่งใหม่ๆ เช่น บริการ ผลิตภัณฑ์ หรือกระบวนการใหม่ๆ (Service, Product, Process) เป็นต้น ที่มีคุณค่า(Value Creation) และมีประโยชน์ต่อผู้อื่น เศรษฐกิจและสังคม ซึ่งเมื่อมีคุณค่าและมีประโยชน์แล้วจะสามารถขยายผลต่อได้เชิงพาณิชย์ หรือขายได้

       ความคิดเชิงนวัตกรรมในองค์กรถือเป็นการปฏิวัติกระบวนการทำงานแบบเดิม ๆ ที่เคยใช้ในการบริหารจัดการในอดีต ยิ่งปัจจุบันเทคโนโลยีการสื่อสารได้เข้ามามีบทบาท ทำให้การรับรู้ของบุคลากรเติบโตอย่างรวดเร็ว ความคิดใหม่ ๆ เกิดขึ้นตลอดเวลา หากมนุษย์มิได้มีการพัฒนาความคิด หรือนำความคิดดังกล่าวออกมาแสดง ก็เท่ากับเป็นการปิดกั้นความคิดอย่างเสรี

       ความคิดเชิงนวัตกรรม คือ กระบวนการคิดของสมอง ซึ่งมีความสามารถในการคิดได้หลากหลายและแปลกใหม่จากเดิม โดยสามารถนำไปประยุกต์ทฤษฎี หรือหลักการได้อย่างรอบคอบและมีความถูกต้องจนนำไปสู่การคิดค้นและสร้างสิ่งประดิษฐ์ ที่แปลกใหม่หรือรูปแบบความคิดใหม่

         นวัตกรรมหรือสิ่งใหม่ๆ หลายอย่างที่เกิดขึ้นมา ไม่ได้เกิดจากการวางแผนหรือกำหนดชี้ชัดเจนว่า จะต้องทำให้เกิดขึ้นในปีนี้หรือเดือนนี้ หากแต่เกิดจากการเตรียมพร้อมบุคคลากรให้มีทักษะ ความสามารถพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลง และเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นในโลกที่มีความไม่แน่นอนอย่างต่อเนื่อง

        การพัฒนานวัตกรรมให้เกิดขึ้นได้จริงเพื่อสร้างการเติบโตในองค์กร  สิ่งสำคัญมากๆอันดับต้นๆ คือ การสร้างเสริม บ่มเพาะ บุคคลากรให้มีเข้าใจการคิดเชิงนวัตกรรม เห็นเป้าหมาย วิสัยทัศน์แนวคิดในการสร้างองค์กรนวัตกรรมเช่นเดียวกับผู้นำในองค์กร จนสามารถพัฒนาการทำงาน กระบวนการทำงาน (Process Innovation) ให้ดีขึ้นเรื่อยๆอย่างต่อเนื่อง จนสามารถต่อยอดเป็นการพัฒนานวัตกรรมทางผลิตภัณฑ์หรือบริการ (Product/Service innovation)  และท้ายสุดคือการพัฒนานวัตกรรมรูปแบบธุรกิจใหม่ๆ (Business Model Innovation) ได้

 

 

วัตถุประสงค์การเรียนรู้

  1. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้มีความเข้าใจในหลักการ เทคนิคและกระบวนการ คิดเชิงสร้างสรรค์และนวัตกรรม และสามารถนำมาใช้ในงานได้จริง

  2. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้ปรับทัศนะและวิธีการเดิม สู่วิธีการใหม่ๆในการคิดเพื่อแก้ปัญหางานด้วยนวัตกรรมเชิงสร้างสรรค์

  3. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้ฝึกทักษะและแลกเปลี่ยนมุมองความคิดเชิงสร้างสรรค์และนวัตกรรมซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของความคิดเชิงนวัตกรรม

  4. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้มีความเข้าใจอย่างแท้จริงว่า “สิ่งดีๆ และมีคุณค่าบางอย่างล้วนเกิดขึ้นได้เพราะความแตกต่างของคน” ซึ่งความคิดสร้างสรรค์เชิงนวัตกรรม จะเป็นตัวเชื่อมต่อความแตกต่างนั้น

  5. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้เรียนรู้ว่า “รากฐานของการมีความคิดเชิงนวัตกรรม” นั้นต้องเริ่มต้นจากที่การมีความคิดเชิงบวกและความคิดสร้างสรรค์”

  6. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้เรียนรู้ “คุณค่าของการมีความคิดริเริ่ม ความคิดใหม่ๆ ” จะช่วยพัฒนาตนเองและองค์กรไปสู่ความยั่งยืน

  7. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้เรียนรู้ “เทคนิคการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ด้วยนวัตกรรม”

  8. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้เรียนรู้ “วิธีการระดมสมองเพื่อให้ได้มาซึ่งความคิดนอกกรอบอย่างสร้างสรรค์”

 

 

หัวข้อการอบรม

  1. ความสำคัญของนวัตกรรม

  • ความสำคัญของทักษะการสร้างนวัตกรรมในโลกยุคปัจจุบัน

  1. การพัฒนาไอเดียนวัตกรรมที่สามารถสร้างคุณค่าสำหรับองค์กร

  2. ไอเดียนวัตกรรมโดยการใช้กระบวนการที่ชัดเจนและข้อมูลของลูกค้า

  3. การสร้างไอเดียนวัตกรรมที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้า

  4. การสร้างไอเดียนวัตกรรมที่พร้อมจะเอาไปต่อยอด-พัฒนาเป็นโครงการได้จริง

  5. การปูพื้นความคิดสร้างสรรค์มา แต่ต้องให้มีนวัตกรรมเกิดได้จริง

  6. รู้จักและเข้าใจกระบวนสร้างนวัตกรรมและทักษะของการสร้างนวัตกรรม

  • ทักษะของนักเก็บข้อมูล : การตั้งคำถามและการสังเกต (ค้นหา) การตั้งคำถามและการสังเกต เพื่อรวบรวมข้อมูล ข้อเท็จจริง หรือปัญหาเพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหาหรือการสร้างนวัตกรรม

  • ทักษะของนักคิด : การหาไอเดียใหม่และการระดมสมอง (ค้นพบ) หลังจากที่นักเก็บข้อมูลได้รวบรวมข้อเท็จจริงต่างๆ แล้ว นักคิดจะหาคำตอบ แนวทางการแก้ไข การหาไอเดียใหม่ ดังนั้นเนื้อหาส่วนนี้จะกล่าวถึงการพัฒนาทักษะของนักคิดคือ การหาไอเดียใหม่ การระดมสมองอย่างมีประสิทธิภาพ

  • ทักษะของนักทำ : การทำต้นแบบ (ลองทำ) เนื้อหาส่วนนี้จะกล่าวถึงทักษะที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของนักทำคือ การทำต้นแบบ (prototype) เพื่อทดสอบไอเดีย วิธีนี้จะช่วยให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าใจไอเดียได้ชัดเจนมากขึ้น เนื้อหาส่วนนี้จะอธิบายวิธีการทำต้นแบบต่างๆ และการสร้างต้นแบบอย่างง่ายของแอพในสมาร์ตโฟน

  • ทักษะของนักสื่อสาร : การนำเสนอทักษะของนักเก็บข้อมูล : การตั้งคำถามและการสังเกต หลังจากที่สร้างผลงานแล้ว นักสื่อสารจะต้องสื่อสารผลงานหรือนวัตกรรมเพื่อให้ผู้อื่นเห็นพ้องหรือคล้อยตาม ดังนั้นเนื้อหาส่วนนี้จะทำให้ผู้เรียนฝึกนำเสนอไอเดียหรือแนวคิดของตนให้ผู้อื่นทราบอย่างมีประสิทธิภาพ

  • การพัฒนานิสัยหรือโครงการนวัตกรรม : เนื้อหาส่วนนี้จะสรุปเนื้อหาและแนะนำวิธีพัฒนาโครงการนวัตกรรม และการพัฒนานิสัยของนักสร้างนวัตกรรมอย่างยั่งยืน โดยวิทยากรจะมอบหมายวิธีฝึกนิสัย กิจกรรมหรือโครงงานเพื่อให้ผู้เรียนที่สนใจนำไปประยุกต์ใช้กับการทำงานของตนเอง

ภาพรวมของการคิด

  • กระบวนการคิด (Thinking Process)

  • ความคิดเชิงบวก (Positive Thinking)

  • ความคิดริเริ่ม (Initiative Thinking)

  • ความคิดนอกกรอบ (Lateral Thinking or Think out of the box)

  • ความคิดสร้างสรรค์ (Creative Thinking)

  • การคิดอย่างเป็นระบบ (Systematic Thinking)

  • ความคิดเชิงนวัตกรรม (Innovative Thinking)

  • กิจกรรมเพื่อการฝึกฝนพัฒนาทักษะการคิดนอกกรอบอย่างสร้างสรรค์

  • กิจกรรมกลุ่มเพื่อฝึกฝนการระดมสมอง (Brain Storming) ให้ได้มาซึ่งความคิดสร้างสรรค์

  • เทคนิคต่างๆ ในการให้ได้มาซึ่งความคิดนอกกรอบอย่างสร้างสรรค์

  • หลักการคิดด้วยมิติ 4 ย. (โยง,ใหญ่,แยก,ย่อย)

  • การคิดด้วยหมวก 6 ใบ, การคิดแบบผู้ชนะ 10 คิด

  • การดักจับความคิด (Idea spotting)

  • กระบวนการจัดลำดับความคิด

  • การประยุกต์ใช้ในการเขียนภาพภูมิความคิด (Mind Map & Concept Map)

  • เทคนิค “ไม่พอใจกับสิ่งที่มีอยู่…หรือสิ่งที่เป็นอยู่”

  • เทคนิค “ตรงกันข้าม”

 

 

 

 

ประโยชน์ที่จะได้รับ

1.ผู้เข้าอบรมได้มีความเข้าใจในหลักการ เทคนิคและกระบวนการ คิดเชิงสร้างสรรค์และนวัตกรรม และสามารถนำมาใช้ในงานได้จริง

2.ผู้เข้าอบรมได้ปรับทัศนะและวิธีการเดิม สู่วิธีการใหม่ๆในการคิดเพื่อแก้ปัญหางานด้วยนวัตกรรมเชิงสร้างสรรค์

3.ผู้เข้าอบรมได้ฝึกทักษะและแลกเปลี่ยนมุมองความคิดเชิงสร้างสรรค์และนวัตกรรมซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของความคิดเชิงนวัตกรรม

4.ผู้เข้าอบรมได้มีความเข้าใจอย่างแท้จริงว่า “สิ่งดีๆ และมีคุณค่าบางอย่างล้วนเกิดขึ้นได้เพราะความแตกต่างของคน” ซึ่งความคิดสร้างสรรค์เชิงนวัตกรรม จะเป็นตัวเชื่อมต่อความแตกต่างนั้น

5.ผู้เข้าอบรมได้เรียนรู้ว่า “รากฐานของการมีความคิดเชิงนวัตกรรม” นั้นต้องเริ่มต้นจากที่การมีความคิดเชิงบวกและความคิดสร้างสรรค์”

6.ผู้เข้าอบรมได้เรียนรู้ “คุณค่าของการมีความคิดริเริ่ม ความคิดใหม่ๆ ” จะช่วยพัฒนาตนเองและองค์กรไปสู่ความยั่งยืน

7.ผู้เข้าอบรมได้เรียนรู้ “เทคนิคการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ด้วยนวัตกรรม”

8.ผู้เข้าอบรมได้เรียนรู้ “วิธีการระดมสมองเพื่อให้ได้มาซึ่งความคิดนอกกรอบอย่างสร้างสรรค์”

 

รูปแบบหลักสูตร

1.การบรรยาย                                                        30 %

2.เกมส์ / กิจกรรมกลุ่ม / ฝึกปฏิบัติ Workshop      70%

 

ติดต่อสอบถาม

Tel : 098-8209929 คุณกุ้ง

E-mail: inwtraining.sale@gmail.com

Line id : @Tesstraining

Facebook : tesstrainingpage

ทาง บริษัท เทสส์ เทรนนิ่ง จำกัด เป็นบริษัทฝึกอบรมสัมมนาครบวงจร

http://www.tesstraining.com

Public Training เปิดรับสมัคร หลักสูตร การบริหารความเสี่ยง (Risk Management) อบรม 22 มิ.ย.65 โดย อ.อนุภาพ พันชำนาญ 

Public Training เปิดรับสมัคร หลักสูตร การบริหารความเสี่ยง (Risk Management) อบรม 22 มิ.ย.65 โดย อ.อนุภาพ พันชำนาญ

จัด อบรม โรงเเรม โนโวเทล สุขุมวิท 20 ติด BTS อโศก สถานี MRT สุขุมวิท

หลักสูตรนี้มีคำตอบ ที่นี่ที่เดียว
สนใจสมัครเพื่อรับองค์ความรู้ได้ที่ คุณกุ้ง 0988209929 คุณกุ้ง

 

หลักการและเหตุผล

      “ความเสี่ยง” นิยาม หรือคำจำกัดความที่นำมาใช้ในการบริหารความเสี่ยง คือ เหตุการณ์หรือการกระทำใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้น    ภายในสถานการณ์ไม่แน่นอน และจะส่งผลกระทบหรือสร้างความเสียหาย หรือความล้มเหลวหรือลดโอกาสที่จะบรรลุความสำเร็จต่อการบรรลุเป้าหมายและวัตถุประสงค์ขององค์กร หรือ อาจเป็นผลลัพธ์ใด ๆ จากการกระทำทั้งโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจของการตัดสินใจกระทำการ

      กล่าวได้ว่า การบริหารความเสี่ยง คือ การบริหารปัจจัยและควบคุมกิจกรรม รวมทั้งกระบวนการดำเนินกิจกรรม แผนงาน หรือ โครงการต่าง ๆ โดยลดเหตุปัจจัยของโอกาสในการที่องค์กรจะเกิดความเสียหาย เพื่อให้ระดับความเสี่ยงและความรุนแรงของความเสี่ยง ที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคตอยู่ในระดับที่องค์กรรับได้ ประเมินได้ ควบคุมได้ และตรวจสอบอย่างเป็นระบบภายใต้ความต้องการการบรรลุเป้าหมาย หรือวัตถุประสงค์ขององค์กรได้

      การบริหารจัดการธุรกิจของกิจการประเภทต่าง ๆ ยอมรับแนวคิดของการตัดสินใจบนฐานความเสี่ยง (Risk-Based Approach) มากขึ้น แต่ความสําเร็จของการดําเนินธุรกิจบนฐานความเสี่ยง (Risk-Based Approach) ยังอยู่ที่กระบวนการของการนําเอาแนวคิดของการตัดสินใจบนฐานความเสี่ยงมาใช้ได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมด้วย เพราะกิจการแต่ละกิจการมีโครงสร้างที่ไม่เหมือนกัน ต้องทําให้เกิดประสิทธิภาพและสร้างประสิทธิผลอย่างแท้จริง ไม่เช่นนั้นกิจการที่ดําเนินการอาจจะเกิดความเข้าใจผิดว่า การบริหารจัดการบนฐานความเสียงไม่ได้ผลและละเลิกไปเสียก่อน

        การบริหารความเสี่ยงจึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่งต่อการดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจ แนวทางการบริหารความเสี่ยงจึงได้รับการยอมรับและมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ระบบการบริหารความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลจะส่งผล ต่อการเป็นองค์กรที่มีระบบการกำกับดูแลที่ดี ซึ่งจะส่งผลต่อการก้าวไปสู่องค์กรที่มีความเจริญเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป

 

วัตถุประสงค์

  1. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้ตระหนักถึงความสำคัญของงานการบริหารความเสี่ยง บทบาทและหน้าที่ของผู้บริหาร และบุคลากรมีส่วนร่วมในการบริหารความเสี่ยงตามหลักการบริหารตามมาตรฐานสากล

  2. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้ทราบถึงกลยุทธ์ กลวิธี และระบบการจัดการความเสี่ยง

  3. เพื่อให้ผู้เข้าการอบรมได้ความรู้ความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับการบริหารจัดการความเสี่ยงทั่วทั้งองค์กร

  4. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้แนวทางการนำการบริหารจัดการความเสี่ยงทั่วทั้งองค์กรไปปรับใช้ในองค์กรของตน อย่างเหมาะสมเทคนิคในการขยายฐานลูกค้าของสินค้าและบริการ

  5. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมสร้างความได้เปรียบและความสำเร็จด้วยการบริหารจัดการความเสี่ยง

  6. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมรู้วิธีการทำงานเพื่อลดและขจัดความเสี่ยงในองค์กร

  7. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมทราบความเปลี่ยนแปลงของภาวะความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในองค์กร

  8. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมมีความรู้ความเข้าใจถึงเหตุและผลที่ถูกต้องในบริหารความเสี่ยง

  9. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมมีความรู้ความเข้าใจในการใช้แผนที่ความเสี่ยง (Risk Map)

 

หัวข้อการอบรม (Course Outline)

  1. ความสำคัญของการบริหารความเสี่ยง และความจำเป็นที่องค์กรควรต้องปฏิบัติตามหลักการบริหารตามมาตรฐานสากล ด้วยกลไกและระบบการจัดการ เช่น การบริหารความเสี่ยง การควบคุมภายใน การบริหารความเสี่ยงทั่วทั้งองค์กร (Enterprise Risk Management)

  • บทบาทและหน้าที่ ที่บริษัทต้องปฏิบัติตามหลักการมาตรฐานสากล ประกอบด้วย

  • อบรมบริการ การควบคุมภายใน (Internal Control)

  • อบรมบริการ การบริหารความเสี่ยง (Risk Management)

  • อบรมบริการ การบริหารความเสี่ยงทั่วทั้งองค์กรโดยรวม (Enterprise Risk Management) ฯลฯ

  1. ระบบงานการบริหารความเสี่ยง

   2.1  การสร้างความตระหนัก ให้ความสำคัญในงานบริหารความเสี่ยงตามหลักการบริหารตามมาตรฐานสากล

   2.2 ความรู้ และความเข้าใจ ในงานระบบบริหารความเสี่ยง ประกอบ การระบุความเสี่ยง การประเมินความเสี่ยง (Risk Assessment) การวิเคราะห์ผลกระทบความเสี่ยงต่อผลประกอบการด้านต่าง ๆ การจัดลำดับความเสี่ยงเพื่อการบริหารจัดการองค์กร (Risk Prioritization) และการกำหนดรูปแบบการจัดการความเสี่ยง เพื่อเผชิญกับความไม่แน่นอน (Uncertainty) และการไม่ละทิ้งโอกาส

   2.3 กลยุทธ์วิธีการ กระบวนการบริหารความเสี่ยง (Risk Management Strategy & Treatment) หลักการ แนวปฏิบัติ และขั้นตอนการบริหารความเสี่ยง ประกอบด้วย

  • อบรมบริการ การวิเคราะห์ ความเสี่ยง

  • อบรมบริการ การระบุความเสี่ยง

  • อบรมบริการ การประเมินความเสี่ยง

  1. การจัดทำแผนการบริหารความเสี่ยง

การจัดทำแผนการบริหารความเสี่ยง (Risk Management Plan) กลไกและระบบเพื่อประกอบ การจัดทำคู่มือบริหารความเสี่ยง

การสร้างความสนใจในการบริหารความเสี่ยง

  • ระบบการบริหารความเสี่ยง

  • การประเมินความเสี่ยง

  • เทคโนโลยีใหม่ๆ และความรู้ “งูๆ ปลาๆ” เป็นที่มาของความเสี่ยง

  • องค์ประกอบของความสำเร็จที่ซ่อนอยู่ในความไม่ประมาท

  • นโยบายบริหารความเสี่ยง

  • วัตถุประสงค์การบริหารความเสี่ยง

  • กระบวนการบริหารความเสี่ยง และการทำแผนบริหารความเสี่ยง

  • การพัฒนาทัศนคติในงานที่ปฏิบัติอย่างระมัดระวังเพื่อลดความเสี่ยง

  • ปัจจัยเสี่ยงที่คอยส่งผลกระทบ สร้างความเสียหาย หรือความล้มเหลวให้แก่องค์กร

  • ผลประโยชน์ที่จะได้รับจากการจัดทำแผนบริหารความเสี่ยง

4.การใช้แผนที่ความเสี่ยง (Risk Map)

      ความเข้าใจในเรื่องของ Risk Map เพื่อหาความสัมพันธ์ของ Root Cause จากปัจจัยหนึ่งที่มีผลกระทบต่อปัจจัยอื่น ๆ ทั้งในระดับองค์กร เช่น Stratigic Risk – S, Operational Risk – O, Financial Risk/Reporting Risk – F, Compliance Risk – C ตามแนวทางของ COSO – ERM รวมถึง Root Cause จากความเสี่ยงที่มีผลกระทบในระดับขั้นตอน + กระบวนการ + กิจกรรม ของ                 จุดอ่อนในแต่ละกรอบข้างต้น ที่เกี่ยวข้องและมีผลกระทบกับกรอบการควบคุมด้านอื่น ๆ ในทุกมุมมอง ทั้งด้าน IT และ Non – IT นั้น จะมีประโยชน์ต่อการบริหารความเสี่ยงเป็นอย่างมาก ถ้าผู้ที่เกี่ยวข้องสามารถเข้าใจและควบคุมความเสี่ยงจากต้นเหตุที่แท้จริง ก็จะสามารถควบคุมความเสี่ยงที่มีผลต่อเนื่องจากความเสี่ยงที่มาจากต้นเหตุนั้นได้เป็นอย่างมาก และบางกรณีอาจได้ทั้งหมด

 เกณฑ์การประเมิน Risk Map

  1. การกำหนดสาเหตุของปัจจัยเสี่ยง และกำหนดระดับความรุนแรงของสาเหตุนั้น

  2. การวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยเสี่ยงในระดับองค์กร และความสัมพันธ์ของสาเหตุ (ต้นเหตุ –> ปลายเหตุ)

  3. การวิเคราะห์ผลกระทบทั้งเชิงการเงิน และมิใช่เชิงการเงิน (กระทบมาก/น้อย) ระหว่าง

3.1. ปัจจัยเสี่ยงและปัจจัยเสี่ยง

3.2. สาเหตุกับสาเหตุ

3.3. ปัจจัยเสี่ยงและสาเหตุ

  1. การนำ Risk Map ไปใช้ในการกำหนดแผนการบริหารความเสี่ยง ทุกกิจกรรมในแผนบริหารความเสี่ยง จะต้องมีความสอดคล้องกับสาเหตุและจัดลำดับตามระดับความรุนแรงของสาเหตุ รวมถึงความสัมพันธ์อื่นที่มากระทบต่อสาเหตุนั้น

  2. การสร้างความเข้าใจในเรื่อง Risk Map ให้กับบุคลากรในองค์กร และวาระการประชุมร่วมกันระหว่างผู้บริหาร ฝ่ายบริหารความเสี่ยง และ Risk Owner ทุกปัจจัยเสี่ยง

 

ประโยชน์ที่ได้รับ

1.ผู้เข้าอบรมได้ตระหนักถึงความสำคัญของงานการบริหารความเสี่ยง บทบาทและหน้าที่ของผู้บริหาร และบุคลากรมีส่วนร่วมในการบริหารความเสี่ยงตามหลักการบริหารตามมาตรฐานสากล

2.ผู้เข้าอบรมได้ทราบถึงกลยุทธ์ กลวิธี และระบบการจัดการความเสี่ยง

3.ผู้เข้าอบรมได้ความรู้ความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับการบริหารจัดการความเสี่ยงทั่วทั้งองค์กร

4.ผู้เข้าอบรมได้แนวทางการนำการบริหารจัดการความเสี่ยงทั่วทั้งองค์กรไปปรับใช้ในองค์กรของตน  อย่างเหมาะสมเทคนิคในการขยายฐานลูกค้าของสินค้าและบริการ

5.ผู้เข้าอบรมได้สร้างความได้เปรียบและความสำเร็จด้วยการบริหารจัดการความเสี่ยง

6.ผู้เข้าอบรมได้รู้วิธีการทำงานเพื่อลดและขจัดความเสี่ยงในองค์กร

7.ผู้เข้าอบรมได้ทราบความเปลี่ยนแปลงของภาวะความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในองค์กร

8.ผู้เข้าอบรมได้ความรู้ความเข้าใจถึงเหตุและผลที่ถูกต้องในบริหารความเสี่ยง

9.ผู้เข้าอบรมได้ความรู้ความเข้าใจในการใช้แผนที่ความเสี่ยง (Risk Map)

 

รูปแบบหลักสูตร

1.การบรรยาย                                                      30 %

  1. กิจกรรมกลุ่ม / ฝึกปฏิบัติ Workshop   70%

ราคาท่านละ 3,900 บาท/วัน (ไม่รวม VAT)

ราคาสุดพิเศษอย่างยิ่ง

สมัคร 3 ท่าน ท่านละ 3,200 บาท

ลงทะเบียน 4 ท่าน ขึ้นไปท่านละ 2,900 บาท

ราคาดังกล่าว ฟรี

1) เอกสารประกอบการสัมมนา (เข้าเล่ม)

2) ใบประกาศผ่านการอบรม

3) อาหารเบรก 2 มื้อ อาหารกลางวันบุฟเฟ่ต์โรงแรม รับกระเป๋าผ้าสมุดปากกา หน้างาน

ติดต่อสอบถาม

Tel : 098-8209929 คุณกุ้ง

E-mail: inwtraining.sale@gmail.com

Line id : @Tesstraining

Facebook : tesstrainingpage

ทาง บริษัท เทสส์ เทรนนิ่ง จำกัด เป็นบริษัทฝึกอบรมสัมมนาครบวงจร

www.tesstraining.com

www.inwtraining.com

Online Zoom เปิดรับสมัคร หลักสูตร พลังแห่งการคิดบวก (The Power of Positive Thinking) 3 ชั่วโมง (09.00-12.00)อบรม 22 ม.ค.65

Online Zoom เปิดรับสมัคร หลักสูตร พลังแห่งการคิดบวก (The Power of Positive Thinking) 3 ชั่วโมง (09.00-12.00)อบรม 22 ม.ค.65

โดย อ.อนุภาพ พันชำนาญ

 

สามารถจัดได้ 2 รูปเเบบ Online Zoom/ONSITE

ราคาที่ 1 รูปเเบบ ออนไลน์ ผ่านโปรเเกรม zoom

ราคาโปรโมชั่น ท่านละ 1,500 บาท/วัน (ไม่รวม VAT)

  • สมัครเข้าอบรม 3 ท่าน  ท่านละ 1,300 บาท /คน เข้าอบรมได้ 4 ท่าน

1) ใบประกาศผ่านการอบรม

2) ไฟล์ PDF การสอน

 

หลักสูตรนี้มีคำตอบ ที่นี่ที่เดียว
สนใจสมัครเพื่อรับองค์ความรู้ได้ที่ คุณกุ้ง 0988209929 คุณกุ้ง

 

หลักการและเหตุผล :

                 การสร้างทัศนคติเชิงบวกเป็นเรื่องยาก แต่การทำให้แนวคิดนั้นอยู่กับเราไปนาน ๆ เป็นเรื่องที่ยากยิ่งกว่า ไม่ใช่เพราะว่าการคิดบวกเป็นสิ่งที่แกล้งทำขึ้นมา แต่เป็นเพราะว่าบางครั้งบางคราว เราไม่อาจจะที่จะคิดบวกได้ เพราะเรากำลังอยู่ในภาวะที่เครียด และกดดันทางอารมณ์จนเกินไป ดังนั้น จึงเป็นเรื่องยากที่เราจะคิดบวกได้ตลอดเวลา

          การเป็นคนคิดบวกทำให้สุขภาพจิตของเราดี มองโลกทั้งใบสดใส และมีแสงสว่าง แนวคิดนี้ไม่ได้มีคุณค่าเฉพาะการใช้ชีวิตประจำวันทั่วไปเท่านั้น แต่มีความสำคัญกับการทำงานด้วยเช่นกัน การทำงานที่รวมเข้ากับความคิดเชิงบวก จะช่วยให้คนทำงานก้าวผ่านอุปสรรคไปได้อย่างง่ายดาย จนบางครั้ง เราจะรู้สึกว่าปัญหาต่าง ๆ อยู่กับเราไม่นาน เดี๋ยวมันก็จะหายไป นั่นเป็นเพราะเรามีทัศนคติเชิงบวกนั้นเอง

          อย่างที่กล่าวไปแล้วว่าการรักษาความคิดเชิงบวกให้อยู่กับเรานาน ๆ นั้นเป็นเรื่องยาก ปฏิเสธไม่ได้ว่าบางครั้งเราก็มีทัศนคติเชิงลบแทรกเข้ามาในจิตใจบ้าง เพราะเป็นเรื่องที่คิดได้ง่ายกว่า แต่นั่นย่อมไม่ใช่เรื่องที่ดี แต่ใครจะคิดแต่เรื่องดี ๆ และเป็นไปในเชิงบวกได้ตลอดเวลา แต่เชื่อเถอะว่าถ้ามันเป็นไปเองตามธรรมชาติไม่ได้ เราก็สามารถบังคับให้มันเป็นไปได้ การได้เข้าอบรมเรื่องการคิดบวกนั้น จะช่วยให้เราเป็นคนคิดบวกได้อย่างเสมอต้นเสมอปลาย และมีความสุขในการทำงานอยู่เสมอ

 

 

วัตถุประสงค์การเรียนรู้

  1. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมมีความเข้าใจอย่างแท้จริงว่า คนเราทุกคนล้วนมีความแตกต่างกัน การ คิดบวกนั้นจะช่วยให้เราเข้าใจสิ่งนี้ได้ดี

  2. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้เรียนรู้ว่า รากฐานของการมีความคิดบวกอย่างสร้างสรรค์นั้นต้องเริ่มต้นที่การมีทัศนคติเชิงบวก

  3. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้สร้างความแข็งแกร่งทางความคิด ด้วยการคิดบวก เพื่อรับมือกับอุปสรรคและปัญหาต่าง ๆ ที่จะเข้ามา

  4. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้เรียนรู้ คุณค่าของการมีการคิดบวกอย่างสร้างสรรค์

  5. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้เรียนรู้ คุณค่าของการคิดบวกอย่างเป็นระบบ

  6. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้เรียนรู้ เทคนิคการพัฒนาการคิดบวกอย่างสร้างสรรค์

  7. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้เรียนรู้ วิธีการระดมสมองเพื่อให้ได้มาซึ่งการคิดบวกอย่างสร้างสรรค์

 

ภาพรวมของการคิด

กระบวนการคิด (Thinking Process)

ความคิดเชิงบวก (Positive Thinking)

ความคิดริเริ่ม (Initiative Thinking)

ความคิดนอกกรอบ (Lateral Thinking or Think out of the box)

ความคิดสร้างสรรค์ (Creative Thinking)

การคิดอย่างเป็นระบบ (Systematic Thinking)

หัวข้อการอบรม

  1. ผลลัพธ์จากการคิดเชิงบวก

  2. การสร้างทัศนคติเชิงบวก

  3. บริบทของทัศนคติเชิงบวก

  4. ลักษณะการคิดบวก

  5. การฝึกทัศนคติเชิงบวก

  6. นิสัยที่ทำให้เป็นคนมีทัศนคติลบ

  7. เหตุแห่งการทำลายสัมพันธภาพ

  8. กราฟอารมณ์กับเหตุผล

  9. ทำไมต้อง Positive Thinking ก่อน Creative Thinking

  10. มองโลกให้บวก (Hard Optimism)

  11. การสร้างความแข็งแกร่งทางความคิดเชิงจิตวิทยา

  12. พัฒนาวิธีการอธิบายสภาพแวดล้อมของคนมองโลกแง่ดี

  13. การมองเหตุการณ์ในด้านบวกของคนมองแง่ดี

  14. กำจัดแนวคิดและวิธีการตีความแบบคนมองแง่ลบ

  15. การมองเหตุการณ์ในด้านบวกของคนมองแง่ร้าย

  16. หลักแนวคิดที่มีพื้นฐานจากการคิดบวก

 

ประโยชน์ที่ไดรับ

  1. ผู้เข้าอบรมมีความเข้าใจอย่างแท้จริงว่า คนเราทุกคนล้วนมีความแตกต่างกัน การ คิดบวกนั้นจะช่วยให้เราเข้าใจสิ่งนี้ได้ดี

  2. ผู้เข้าอบรมได้เรียนรู้ว่า รากฐานของการมีความคิดบวกอย่างสร้างสรรค์นั้นต้องเริ่มต้นที่การมีทัศนคติเชิงบวก

  3. ผู้เข้าอบรมได้สร้างความแข็งแกร่งทางความคิด ด้วยการคิดบวก เพื่อรับมือกับอุปสรรคและปัญหาต่าง ๆ ที่จะเข้ามา

  4. ผู้เข้าอบรมได้เรียนรู้ คุณค่าของการมีการคิดบวกอย่างสร้างสรรค์

  5. ผู้เข้าอบรมได้เรียนรู้ คุณค่าของการคิดบวกอย่างเป็นระบบ

  6. ผู้เข้าอบรมได้เรียนรู้ เทคนิคการพัฒนาการคิดบวกอย่างสร้างสรรค์

  7. ผู้เข้าอบรมได้เรียนรู้ วิธีการระดมสมองเพื่อให้ได้มาซึ่งการคิดบวกอย่างสร้างสรรค์

 

 

 

รูปแบบหลักสูตร

1.การบรรยาย                                                                  30 %

2.เกมส์ / กิจกรรมกลุ่ม / ฝึกปฏิบัติ Workshop                 70%

ติดต่อสอบถาม

Tel : 098-8209929 คุณกุ้ง

E-mail: inwtraining.sale@gmail.com

Line id : @Tesstraining

Facebook : tesstrainingpage

ทาง บริษัท เทสส์ เทรนนิ่ง จำกัด เป็นบริษัทฝึกอบรมสัมมนาครบวงจร

http://www.tesstraining.com